โครงการภาคภูมิแผ่นดินไทย และ สยามพิวรรธน์ จัดงาน “แสงแห่งพระบารมี” เชิญประชาชนชาวไทยร่วม“บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” พร้อมชมพระบรมสาทิสลักษณ์ผลงานสุดวิจิตรจากนักศึกษาจิตอาสา 24 พ.ย. –8 ม.ค. 2560
Studio54 ส่ง มัดหมี่ พิมดาว ดาต้า ดรัลชรัส ร่วมแสดงความจงรักภักดี และร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ในคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ “แสงแห่งพระบารมี”
สองศิลปินสาวมากความสามารถ มัดหมี่ พิมดาว และ ดาต้า ดรัลชรัส จากค่ายเพลงน้องใหม่ที่ไปไกลระดับอินเตอร์ Studio54 บอกความในใจสุดปลาบปลื้มที่ได้รับมอบบทบาทอันทรงเกียรติที่สุดครั้งสำคัญในชีวิต กับการได้เข้าร่วมแสดงในคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ “แสงแห่งพระบารมี” ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่ผ่านมา
ซึ่งในงานนี้ ทั้งสองศิลปินสาว มัดหมี่ พิมดาว และ ดาต้า ดรัลชรัส จับมือร่วมกับศิลปินระดับคุณภาพอย่าง แป๋ว นภาดา (สายสุนีย์ สุขกฤต ) นักร้องเสียงเหนือเทพ และ อ.ปราชญ์ อรุณรังสี มือกีตาร์แจ๊สระดับปรมาจารย์แห่งโอเวอร์ไดรฟ์ แม็กกาซีน จะมาร่วมขับขานบทเพลงพระราชนิพนธ์บนเวทีเดียวกันเป็นครั้งแรก ซึ่งงานนี้นอกเหนือจากความปลาบปลื้มของสองสาวที่จะได้มีโอกาสร้องเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรก และได้เชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมเขียนคำปณิธาน “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” เพื่อนำไปประดับต้นไม้ยักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เมตร ซึ่งตกแต่งด้วยแสงไฟงดงามสว่างไสว เปรียบเสมือนแสงแห่งพระบารมี อันยิ่งใหญ่แผ่ไพศาล และทั้งสองศิลปินสาวยังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับศิลปินชั้นครูทั้งสองอีกด้วย “เราสองคนในฐานะตัวแทนศิลปินจากค่ายเพลง Studio54 รู้สึกปลาบปลื้มมากที่ได้มีโอกาสได้ทำหน้าที่อันทรงเกียรติครั้งนี้ และยังรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้มีโอกาสร่วมแสดงบนเวทีเดียวกันกับพี่แป๋ว นภาดา และ อาจารย์ปราชญ์ เพราะทั้งสองท่านต่างก็เป็นศิลปินที่เราเคารพมาก ซึ่งครั้งนี้ตัวมีดหมี่เองจะร้องเพลง “ในหลวงของแผ่นดิน”, “แสงเดือน” และ “ในดวงใจนิรันดร์” ส่วนดาต้าจะร้องเพลง “ใกล้รุ่ง”, “ชะตาชีวิต” และ “เทวดาพาคู่ฝัน” ซึ่งดาต้าได้ขับร้องเป็นภาษาฝรั่งเศล “หลังจากที่ได้ทราบว่าจะร้องเพลงอะไรแล้วงานนี้เราสองคนต่างก็เตรียมตัวซุ่มซ้อมกันมาเป็นอย่างดี เพื่อให้การแสดงที่จะเกิดขึ้นออกมาดีที่สุด ให้สมกับที่ได้รับเกียรติให้ร่วมในคอนเสิร์ตครั้งนี้ค่ะ”
โดยงานนี้ขอเชิญประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ในงาน “แสงแห่งพระบารมี” ร่วมเขียนคำปณิธานบนแผ่นป้าย “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” พร้อมชมผลงานพระบรมสาทิสลักษณ์ความยาวกว่า 33 เมตร และกิจกรรมอื่นๆ ได้ถึงวันที่ 8 มกราคม 2560 เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
เพื่อแสดงความจงรักภักดี และร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แห่งพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โครงการ “ภาคภูมิแผ่นดินไทย”เติมความภูมิใจให้เต็มชาติ และบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมจัดงาน “แสงแห่งพระบารมี” เชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมเขียนคำปณิธาน “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” เพื่อนำไปประดับต้นไม้ยักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เมตร ซึ่งตกแต่งด้วยแสงไฟงดงามสว่างไสว เปรียบเสมือนแสงแห่งพระบารมี อันยิ่งใหญ่แผ่ไพศาลพร้อมชมพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาดกว้าง 2.4 เมตร ยาว 2.4 เมตร รวมความยาวกว่า 33 เมตร ผลงานสุดวิจิตรสร้างสรรค์โดยนักศึกษาจิตอาสาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง และสถาบันบัณทิตพัฒนศิลป์ พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินจิตอาสา ซึ่งกิจกรรมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 ถึงวันที่ 8 มกราคม 2560ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และ ประธานโครงการภาคภูมิแผ่นดินไทยกล่าวว่า“เราคนไทยทุกคนต่างตระหนักว่าเรามีหน้าที่ ที่ต้องรักษาชาติบ้านเมืองอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อยืนหยัดและก้าวต่อไป ด้วยสำนึกว่าเราโชคดีมีบุญวาสนาที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยบนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอนันต์ พระผู้ที่ไม่มีวันใดที่จะทรงละทิ้งประชาชนของพระองค์ ไม่มีพื้นที่แห่งใดเลยในประเทศไทย ที่พระองค์ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไปถึง ทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำและมุ่งมั่นเพื่อหาทางขจัดทุกข์สร้างสุขให้กับประชาชนและเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโครงการ “ภาคภูมิแผ่นดินไทย” เติมความภูมิใจให้เต็มชาติได้ร่วมกับ บริษัทสยามพิวรรธน์ ทำการเก็บรวบรวมเรื่องราวความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้เกิดใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท ตลอดจนคำสอนของพระองค์มาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต ซึ่งเปรียบเสมือน “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” หรือปณิธานความดีที่ตั้งใจไว้ว่าจะดำเนินชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โดยเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บรักษาไว้ในคลังสมบัติดิจิทัลของ โครงการ “ภาคภูมิแผ่นดินไทย” เติมความภูมิใจให้เต็มชาติ ในลำดับต่อไป”
ทั้งนี้ โครงการ “ภาคภูมิแผ่นดินไทย” เติมความภูมิใจให้เต็มชาติ ได้เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อกลางปี 2559 เป็นโครงการที่เกิดจากความคิดริเริ่มของ มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ร่วมกับ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด พร้อมผนึกความร่วมมือสานพลังประชารัฐ จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการเชิญชวนคนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันเก็บรวบรวมและบันทึกเรื่องราวอันล้ำค่าและดีงามที่น่าภาคภูมิใจของคนไทยไว้ในคลังสมบัติดิจิทัล ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการจารึก เพื่อส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นให้คงอยู่คู่คนไทย และประกาศเรื่องราวดีงามบนผืนแผ่นดินไทยให้เป็นที่จดจำไปทั่วโลก
ร้อยโท ดร.สุวิทย์ ยอดมณี รองประธานกรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ กล่าวว่า“การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหนึ่งในเจตนารมย์หลักที่มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชอัธยาศัย และพระราชจริยวัตรอันงดงาม เปี่ยมด้วยพระเมตตา มั่นคงในทศพิธราชธรรมตลอดระยะเวลาแห่งการครองสิริราชสมบัติ พระองค์ทรงงานหนัก เพื่อสร้างความอยู่ดีมีสุขแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่งดงามได้เป็นที่ประจักษ์ แม้แต่ในระดับสากล ชาวโลกจากทุกประเทศทั่วโลกก็ได้รับรู้และแซ่ซ้องสรรเสริญ พระองค์ทรงเป็นต้นแบบแห่งความพอเพียง ที่เป็นแบบอย่างให้ประชาชนคอยปฏิบัติตาม และเป็นต้นแบบให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตในสังคม พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ และพระองค์ทรงเป็นต้นแบบแห่งคุณธรรมอย่างแท้จริง มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ มุ่งหวังที่จะสืบสานน้อมนำแนวพระบรมราโชวาท พระราชดำรัส องค์ความรู้จากโครงการพระราชดำริ รวมทั้งพระอัจฉริยะภาพในทุกด้านของพระองค์มาต่อฐานเติมยอด เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนได้เรียนรู้แบบอย่างที่ สู่การพัฒนาตนเอง สังคมและประเทศชาติ ให้ก้าวไปสู่สากลด้วยความภาคภูมิใจ”
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จํากัดกล่าวว่า “นับจากวันที่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปฏิบัติและยึดมั่นเป็นหลักจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจเสมอมา คณะกรรมการ ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานทุกคน ต่างมีความภาคภูมิใจเป็นล้นพ้นที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร และมีปณิธานที่จะดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน แม้ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จขึ้นสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระองค์ได้มอบสิ่งล้ำค่าให้แก่ผสกนิกรชาวไทยทุกคนที่ต้องเก็บรักษาไว้ นั่นก็คือพระราชปณิธาน พระบรมราโชวาท ตลอดจนพระราชกรณียกิจต่างๆที่ได้ทรงเสียสละและอุทิศพระชนม์ชีพเพื่อความเจริญรุ่งเรืองมั่นคงของประเทศชาติ และ ความผาสุกของประชาชนชาวไทยเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและความกตัญญูกตเวทิตาต่อพระมหากรุณาธิคุณต่อพระองค์ท่าน เราจึงจัดงาน แสงแห่งพระบารมี ด้วยการเชิญชวนคนไทยให้มาเขียนข้อความบนแผ่นป้าย “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” โดยน้อมนำหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาเขียนเป็นคำปณิธานความดีที่ตั้งใจจะปฏิบัติ และยึดมั่นเป็นหลักจริยธรรมในการดำเนินชีวิตต่อไป ซึ่งแผ่นป้ายทั้งหมดจะนำมาประดับไว้บนต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางพาร์ค พารากอน จึงขอเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมกันเขียนข้อความบนแผ่นป้าย “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” ให้เป็นเสมือนคำมั่นสัญญาที่เราคนไทยจะทำสิ่งที่ดีงามอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง ผู้อื่น ชุมชน สังคมและประเทศชาติ ช่วยกันเสริมสร้างประเทศไทยให้มีความรักและความสามัคคี ร่วมกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความเจริญที่มั่นคงอย่างยั่งยืนสืบต่อไป”
สำหรับการจัดแสดง พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีการนำพระปรีชาสามารถด้านต่างๆ มาเป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยแบ่งเป็นหัวข้อดังนี้ กษัตริย์นักการช่าง โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร,กษัตริย์การเกษตร โดยสถาบันบัณทิตพัฒนศิลป์, กษัตริย์ศิลปิน โดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และกษัตริย์นักดนตรี โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่างซึ่งทางมหาวิทยาลัยและนักศึกษาจิตอาสาต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมซึมซับถึงพระจริยวัตรอันงดงาม ซึ่งสะท้อนถึงน้ำพระราชหฤทัยความห่วงใยที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยในทุกด้านตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ 70 ปี
ขอเชิญประชาชนร่วมแสดงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ในงาน “แสงแห่งพระบารมี” ร่วมเขียนคำปณิธานบนแผ่นป้าย “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” พร้อมชมผลงานพระบรมสาทิสลักษณ์ความยาวกว่า 33 เมตร และกิจกรรมอื่นๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2559ถึงวันที่ 8 มกราคม 2560 เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม