จิกกะบาล ตอนที่ 17 Monotone
บทสัมภาษณ์ Monotone
สวัสดีครับ วันนี้อยู่กับรายการจิกกะบาล แขกรับเชิญพิเศษของเราวันนี้ เป็นตัวแทนจากเหล่าสหกรณ์ดนตรี หรือที่รู้จักกันในชื่อ Monotone
สวัสดีครับ
กุ่ย: พวกเรา 3 คนจะเป็นเหมือนเบื้องหลัง ของ โมโนโทน เป็นหลัก
กิจ: กิจครับ
ตั้ม : ตั้มครับ
อ๊อฟ : พี่กุ่ย ทำอะไรอยู่ใน โมโนโทน
1.1 ช่วย พี่ตั้ม กับ พี่โทนี่ ตอนนี้อยู่ LA ช่วยดูเรื่องดูเรื่อง บริหาร จัดการเรื่องโชว์ แล้วก็เล่นกีตาร์
1.3 จริงๆแล้วต้องเรียนให้ทราบว่าเป็นกลุ่มที่ทำกันเองตั้งแต่เริ่ม แล้วสิ่งที่เค้าทำหลังๆ ก็จะเป็นสิ่งที่เค้าถนัดกันจริงๆ อย่างของกิจ ก็จะ มีความสามารถด้าน Music Production ก็จะรับหนาที่นี้ไป ก็จะมีกุ่ยอีกคนนึงที่ เริ่มจากเล่นดนตรีด้วยกัน หน้าที่อื่นๆที่เพิ่มขึ้นมา ทำหน้าที่ธุรการ management นักการ หน้าที่ผมครับ ล้างห้องน้ำ แต่ละคนก็จะช่วยๆกัน ในบ้านหลังนึง ถ้าไม่มีคนรับใช้ ทุกคนต้องทำอะไรบ้าง มีพ่อ แม่ ลูก ต้องทำอะไรบ้าง
อ๊อฟ : ใครเป็น พ่อ แม่ ลูก
ตั้ม : ผลัดกันครับ ใครหลับก่อนเป็นแม่
พี : พี่ตั้ม Frozen Music มีคนเดียวเลยรึเปล่า
ตั้ม : ก็ทำนองนั้น การทำงานของ Frozen ก็จะเป็น part นึงของ โมโนโทน จะมีผมเป็นคนคิดว่าควรจะเป็นยังไง ทำยังไง ถ้ามีงานไหนที่เหมาะ ก็จะมาช่วยกัน กุ่ยมาต่อไลน์กีตาร์ให้ กิจ ก็มาช่วยดู ถั่วก็มาช่วยแต่งเนื้อ คือ ทุกคนใน โมโนโทรจะมานั่งใส่หมวก Frozen แล้วมาทำงานให้ Frozen มันจะเป็นกระบวนการนี้กับทุกคน ทุกศิลปิน
อ๊อฟ : แล้วมีออกมาเป็นสิลปิน กี่คน
ตั้ม : ถ้า Present จริงๆ ก็จะเป็นผมเนี่ยแหละครับ ถ้าเป็นเล่นสดก็จะเป็นผมยืนทำอะไรอย่างนึงอยู่ แต่ว่าตัวงานจะสะท้อนความคิดกับ concept ที่ไม่เหมือนคนอื่นใน โมโนโทน
อ๊อฟ : โมโนโทน ถือว่าเป็นค่ายเพลงไหม หรืออะไร
ตั้ม : ถ้ามองว่าเป็นค่ายเพลง ก็ได้ ถ้าเราอยู่กันในวง จะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นค่ายเพลง มันน่จะเป็นวงๆนึง อย่างล่าสุดอัลบั้ม On the monotone stage คือทุกคนทำในฐานะโมโนโทน โดยที่เราเอาเพลงเก่ามาทำ แล้วทำเพลงใหม่ลงไป
อ๊อฟ : โมโนโทน เป็นศิลปินกลุ่มนึง
กิจ : เราดูแลตัวเองด้วย งานศิลปะงานดนตรีเราก็ทำกันเอง เรามีความหลากหลาย ทุกคนมีความสามารถด้านดนตรี อยากคิดอยากทำออกมา ด้วยความที่ว่าอยู่กันแบบเพื่อนๆที่เป็นกันเอง เราก็ทำงานไปด้วยกัน แล้วก้สนุกไปด้วย
ตั้ม : ขายเองบ้างบางโปรเจค ถ้าสังเกต fat festival ทุกๆครั้ง monotone จะมีของให้ทุกคนติดตาม ก่อนหน้านี้เราก็ทำหนังสือเพลง ก่อนหน้านั้น ทำเพลงบุฟเฟ่
อ๊อฟ : Monotone ทำทุกอย่าง แต่งเอง ขายเอง ซื้อเอง เจ๊งเอง เอ้ย
กิจ : มีคนถามว่าเป็นเบื้องหลังกันหมดเลยรึเปล่า ก็เป็นทั้งเบื้องหลัง เบื้องหน้านะ อย่างตอนทำก็อยู่กันหมด เล่นคอนเสิร์ตก็ไปกันหมด ถ้ามีใครมีโอกาสไปเล่น พวกเราก็ไปด้วย
พี : คำว่า Monotone มีความหมายยังไง
กุ่ย : ตอนที่ถามว่า Monotone คืออะไร เวลาพูดคำว่า monotone group ลองคิดว่าเราอยู่ในห้องเรียน ก็จะมีเพื่อนหลายๆกลุ่ม ไอ้พวกนั่งหน้า เป็นพวกเด็กเรียน พวกด้านหลัง เด็กเกย์ แต่ทุกคนเป็นเพื่อนกัน monotone เป็นแบบนั้น มีเด็กโดนเรียน เด็กทำกิจกรรม monotone แปลว่าอะไร ความหมายในหัวผมคือ mono คือ 1 tone คือ เสียง คือพอรวมๆกันมันก็ออกมาเป็นสีนึง
กิจ : แต่ละคนก็จะเห็นด้วย แต่ละคนจะต่างกันหมดเลย เห็นๆกันเลย แต่มาทำงานด้วยกันได้ มีความคิดอะไรบางอย่างมารวมกันเป็น Monotone
พี : มารวมกันได้ยังไง
ตั้ม : 6 ปี ก่อนหน้าของก่อนหน้าเลย แต่ละคนก็เล่นเน็ตอยู่ที่บ้าน แต่งเพลงอยู่บ้าน ทำเอง โดยที่ไม่มีใครรู้จักใคร แต่หนทางการระบายออกของเรื่องเพลงมันจะน้อยมาก มันก็จะไม่เยอะอย่างสมัยนี้ พอมีเวปที่เป็นที่กลางที่จะเข้าไป คนพวกนี้ก็จะเข้ามา ไม่รวมเฉพาะ Monotoneนะ คนพวกนี้ตอนนี้ก็จะไปอยู่ตามค่ายเพลง พอเจอกันก็จะรู้ว่า นายคือ คนนี้ แต่เค้าไม่ได้มาเจอกับเรา อย่างเราฟังเพลงกุ่ย ก็ comment โทนี่ ฟังเพลงเรา ก็ Comment มา
กุ่ย : โทนี่ คือ ผู้ก่อตั้ง Monotone
ตั้ม : Jazz in love ก็วางแผนเรียบเรียง เขียน e-mail หาทุกคนเลย 50 คน ตอบกลับ 10 คน ทำรวมกันเป็นอัลบั้มนะ คนละเพลง ยังไม่คิดถึงการขาย คิดถึงการแจก ในวัน วาเลนไทน์ ไปแจกในสยาม ทำกัน 100 แผ่น ก็ 3 คนนี้ โทนี่ พี่หนุ่ม จากเมกา 1 คน จาก อังกฤษ 1 คน มี เบน ชลาทิศ เป็นนักร้อง
กิจ : ตอนนั้นก็มีนักร้องหลายคนละ มี เบน ชลาทิศ มี แฟง มี แองจี้
ตั้ม : เวลาในช่วงนั้น จำกัด เพราะตอนนั้น มกราแล้ว กุมภาแจก ทำกันในห้องนอนของ พี่หนุ่ม sound engineer บางเพลงมีเสียงกรน ของใครบางคนด้วย
กุ่ย : พี่ นำเสนองาน
พี : แต่ผมคุ้นๆว่า ซื้อแผ่นนี้มา
ตั้ม : ด้วยความที่ความต้องการมันมากขึ้น ตอนแรกแจกกัน 100 ด้วยความที่เราไปเล่นงาน A day คือไปของ พี่ โหน่ง เล่น คุยกันเป็นการส่วนตัว พอเล่นปุ๊บ ก็ทำเทปไปลองตลาด ทำไป 100 ม้วน ขายหมดใน 20 นาที เพลงมันดีมาก เบน ชลาทิศ ก็ร้องดีมาก แล้วก็ พี่โด๋ เป็นพิธีกรในวันนั้น เราก็ write CD ให้พี่เค้าไปเปิด แล้วมันก็ ไต่ ชาร์ต จำได้ว่า top 20 ของ fat มีเพลง Monotone อยู่ 4 เพลง มันหลากหลายมาก หลังจากนั้นก็มีคนมาแบบว่า เราขายให้ไหม
พี : ความรู้สึกที่มี 4 เพลง อยู่ใน top 20 รู้สึกไง
ตั้ม : ที่สุดคือ ตอนขายหมดวันที่เราเล่นกันเอง โดนที่ไม่มีใครรู้จักเราเลย
กิจ : ตอนนั้น ตื่นเต้นมาก แล้วเราก็ดีใจอยู่แล้วที่มีคนที่ชอบ แล้วเราก็ได้เจอเพื่อนที่เราคุยกันแล้วใช่เลย สนุก แล้วไม่ใช่แค่สนุกอย่างเดียว เราเริ่มทำงานเป็นระบบแล้ว มันเป็นธุรกิจได้ด้วย
กุ่ย : ตอนนั้นเล่นบ่อยมาก ปีละ 50 กว่า โชว์
ตั้ม : ตอนนั้นยกเครื่องดนตรีไปเองด้วย
กุ่ย : ยกกลองไปเอง โทรศัพท์ไป ขอไปเล่น เค้าบอกเล่นได้แต่ไม่มีเครื่องดนตรีนะ ยกข้ามเรือท่าพระจันทร์ไป
ตั้ม : ตอนนั้นผ่านไปเราก็ไม่ได้นับ พอผ่านไปแล้ว เออ ทำไปได้ไงว่ะ แล้วมันก็ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น
อ๊อฟ : ตอนนั้นอายุเท่าไหร่
กุ่ย : 22 -25 ตอนนั้นเป็นนักศึกษา
ตั้ม : ทำไรก็ได้ ไม่มีภาระอะไรให้รับผิดชอบเยอะ มันเป็นกิจกรรมที่ โห เท่ห์ตายห่า ออกเทป
อ๊อฟ : ตอนนี้ทำเป็นตัวกันหมดเลย ไม่มีงานประจำที่ไหน
กิจ : บางคนก้มีงานประจำ แต่ว่าก็ กลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม เป็นงานประจำที่ไม่ได้นั่งออฟฟิศ
กุ่ย : บางคนเร็วๆนี้
ตั้ม : ระวังๆ
พี : พี่ กิจ กิจแจส มาจากไหน
กิจ : มาจากชื่อจริงเลย กิจจาศักดิ์ พอมาเขียนย่อเลยมาเป็นคำนนี้ เพื่อนเค้าเรียกกันมา ตั้งแต่ ม. 1 เลยใช้มาเรื่อยๆ
อ๊อฟ : เพราะเล่นดนตรี แจส รึเปล่า
กุ่ย : กิจจาส
กิจ : พลักๆมาจากภาษาไทย จริงๆ แล้วที่เค้าเรียกก็ไม่เกี่ยวกับ แจส เท่าไหร่ แต่ผมก้ชอบ ดนตรี แจสด้วย แต่ที่ผ่านมาทำงานกับ Monotone ก็หลายสไตล์ ผมชอบไอ้นั่นไอ้นี่ ก็จะชอบทดลองไปเรื่อยๆ ที่เยอะสุด คือ อัลบั้มของ ใหญ่ Monotone อัลบั้ม Haven day afternoon ซึ่งก็ใหญ่ เป็นเพื่อนประถมกัน พอกลับมาเจอกันก็มารู้จักเพื่อนๆ Monotone กัน ก้คุ้นหน้าคุ้นตากัน ใหญ่ก็ชอบร้องเพลง ชอบคิด ก็มาช่วยกันแต่งเพลง ทำกันทั้งหมด Monotone แต่หลักๆ เป็นใหญ่กับผมเยอะหน่อย หลังๆก็มาสนใจทดลอง วิจัย ทางดนตรี กับ เรื่อง computer เรื่องไฟฟ้า เรื่องเครื่องดนตรีต่างๆ ก็เลยจะเป็นอย่างนี้แหละครับ ก็ช่วงนั้นชอบก็ทดลองๆปเรื่อยๆ แล้วก็เอาประสบการณ์มาใช้ อย่างเด็กๆ ชอบฟังเพลงเก่า sixty ถ้าให้ผมเรียกแนวตัวเองคนอาจจะงง ผมจะบอกว่า ร็อค เพราะว่าผมฟัง ร็อคเยอะ แต่ว่าก็ฟังของ อินเดีย คิวบาก็ชอบ เราก็ฟังของทุกที่ ถ้ายิ่งไปเห็นเล่นสด ยิ่งชอบมาก อยากรู้เรื่องวัฒนธรรม แล้วเอามาปรับใช้ ผมจะชอบอะไรที่มีน้ำหนัก
พี : พี่กุ่ยบาง
กุ่ย : เคยทำวง ออกกับ Monotone Present ชื่อวงว่า cube เพราะว่ามันเป็นอดีต
กิจ : คนยังอยู่ แต่ว่าตกผลึกอยู่
กุ่ย : เป็นคนชอบ ร็อค แบบเด็กๆทำกันเลย แต่คนละความหมายกับที่ กิจทำ พอดีมีเพื่อนอีก 3 คน ที่เป้นแนวเดียวกัน
อ๊อฟ : มีโอกาสจะมีชุด 2 ไหม
กุ่ย : มีครับ แต่ตอนนี้ก็มีคนที่มีเรื่องรับผิดชอบกันอยู่ แต่งงานไปแล้วคนนึง ตั้งใจไว้ว่าจะมีชุด 2
พี : เพลงที่ไต่ ชาร์ต ก็คือ เพลง นางฟ้า ชื่อ cube มาจากไหน
กุ่ย : ตอนนั้นไม่มีชื่อวง แล้วเพื่อนๆ Monotone เรียก เหลาเหย่ มาตลอด ด้วยความที่ไม่มีชื่อวง ก็ไม่ได้ละ ชื่อไม่ไหว นักร้องก็กลับไปเปิด dic ก็ไปเจอคำว่า cube เออ เอาอันนี้แหละ 4 เหลี่ยม มันคงเข้าใจผิดว่า 4 เหลี่ยมมันมี 8 ด้าน ไม่ใช่ 4 ด้าน ก็เลยมองว่า มันคือกล่องที่เรามีอะไรอยู่ในนั้น
พี : 4เหลี่ยม มันไม่ได้มี 8 ด้าน มันมี 6 ด้าน
กุ่ย : เอ่อ 8 มุม พูดผิด
พี : Frozen ทำไมต้องเป็น Frozen เป็นเพลงผีหลอกฟังแล้วหนาวสันหลัง
ตั้ม : เออ น่าสนใจ
กิจ : พวกเราไม่มีใครคิด
ตั้ม : พูดตรงนะ Frozen ทำ cool voice 2 อัลบั้ม ส่วนใหญ่จะเป็นรวมๆครับ ตัวผมเองก้จะแต่งเพลงให้ Monotone ไว้หลายเพลง
พี : อย่าง ล่าสุด ก็คือ นานอีกหน่อย
ตั้ม : A day นานอีกหน่อย อาจเพราะ คือ ใครอยู่ตรงนั้นก็ช่วยกัน Monotone มันก็เก่งนะ นั่งด้วยกันก็แต่งเพลงได้ Frozen ก็อาศัยจังหวะนี้แหละ มาเล่นกันไหม ได้เพลง ชื่อมาจาก ผมเรียนจบ ถาปัตย์ ผมชื่อ ถาปัตย์ แล้วก็ มีนักปราชญ์ชาวเยอรมัน เค้าบอกว่า Architecture มันเป็น Frozen Music พวก space เหมือนเพลง เอามาแช่แข็งแล้วให้คนเดินผ่านเข้าไปได้
อ๊อฟ : ไม่ร้องเองกันเลยเหรอ
กิจ : นานๆที
ตั้ม : กิจ ร้อง
กุ่ย : ตอนนี้เป็นอาชีพหลัก ถ้าเราร้องเองมันจะกลายเป็นศิลปิน
ตั้ม : ไม่มีความเป็นส่วนตัว ถ้าร้องไป แล้ว เบน ชลาทิศ จะทำยังไงละเนี่ย
อ๊อฟ : เบน เค้าบอกว่า เค้า โดน เตะออกมาจาก โมโนโทน
ตั้ม : ไม่ได้โดน เตะ โดนถีบ เพราะเตะมันไม่กระเด็น ตัวมันใหญ่ ต้อง ถีบ
พี : แฟน จริงๆมีกันรึยัง
อ๊อฟ : สงสัย มีแฟนเพลง มากรี๊ดๆไหม
กิจ : มีครับ จะมีแฟนเพลงที่เค้า ชอบ ทั้งหมด Monotone Group ตั้งแต่ยุคแรกๆแล้วที่เค้าติดตามเราเล่นสดหรือ ติดตามข่าวจาก internet จะมาคอยให้กำลังใจ คอยอะไรอย่างเนี่ย แล้วก็โดยส่วนตัวด้วย
ตั้ม : ปีใหม่เค้าก็ส่งของ มาให้
กุ่ย : แฟนเพลง จริงจัง จริงใจมากๆ อย่างยุคแรกๆ ไม่ดังเลย มีจดหมายมาจากน้องคนนึง จาก ธรรมศาสตร์ เขียนจดหมายมา ยาว
ตั้ม : เป็นกำลังใจ
กุ่ย : มีน้องคนนึง ตอนไปออก fat festival แล้วเค้าก็ไม่ได้รู้จักเราขนาดนั้น เค้าบอกหนูถูกใจพวกพี่มากๆเลย
พี : หมายถึงหน้าตารึเปล่า
กุ่ย : ไม่แน่ ยิ่งเค้าได้คุยกับพวกเรา ยิ่งประทับใจ
ตั้ม : ไม่ถือตัว ชอบดนตรีก็เหมือนเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แฟนเพลง Monotone คือ เค้าก็จะตามไปดู ตอน fat festival ที่แดนเดรมิต เราก็ติดอยู่บนเวที เพราะฝนตกหนักมาก ก็เลยตะโกนออกไป แซกโซโฟน เป่าเลย เป่าคนก็ไม่ไปไหนก็ยืนรอ คนก็มามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นเวทีที่ยังเล่นอยู่ เราก้เล่นตามที่ยังเหลืออยู่ เค้าก็ร้องตามกัน
กิจ : พอนักร้องขึ้นมา เราก็พลักเค้าออกไปข้างหน้า
ตั้ม : พอเล่นจบ เราก็บอกว่าหมดแล้ว เค้าก็ตบมือกัน
พี : มีแฟนกันรึยัง
กุ่ย : มีแล้วครับ
กิจ : ไม่มีครับ มีคนถามเหมือนกัน รุ่นน้องแฟนเพลงที่คุยกันใน internet ไม่เหงาเหรอ หาไรทำทั้งวันเลย ไม่เหงา
ตั้ม : ไม่ว่างแล้ว
อ๊อฟ : อัลบั้ม ต่อไปละ
ตั้ม : เร็วๆนี้ ที่ออกไปแล้ว On the monotone stage ตอนนี้พวกเราอยู่ในช่วง ทำ project ใหม่ พูดเลยละกันเนอะ concept ที่เราคิดไว้นาน แล้ว คนใน Monotone จะมีชุดเริ่มอยู่ที่คนผิวดำ เลยคิด concept เป็น Monotown
กิจ : ก็ตอนนี้ก็ยังไม่ได้บอกว่าจะมีเพลงกี่เพลง แต่เราก็วางไว้ว่า เป็น สไตล์ทีที่เราอยากจะนำเสนอ ก็คือ เป็นเพล ง soul R&B แต่ไม่ได้ย้อนยุค แบบเก่า
ตั้ม : แต่เป็นความสนุกแบบนั้น บางอย่างเราเคยทำแล้วแหละ แต่มันจะชัดขึ้น
กิจ : เป็นการนำเสนอด้วยแหละว่าเราอยู่กันเป็น บ้านเป็นเมืองแบบไหน เหมือนที่เราคุยกันว่า Monotone คืออะไร เราอยู่กันเป็นเมือง
ตั้ม : ตอนนี้อยู่ขั้นบันทึกเสียง คิดว่า น่าจะเป็นกลางปีนี้ ปีนี่แหละ แน่ๆ
กุ่ย : คุ้มค่าชัวร์ ทุกครั้งที่เราทำงานฟังดูเหมือนมั่วๆ แต่ละคนมันมีการตั้งใจในการทำงาน ซีเรียสถึงขั้นว่า โน๊ตเนี่ยไม่เอา
กิจ : แล้วก้มีข้างหลังขำ ฮ้าๆๆ
พี : นอกจากเค้ามาเล่าเรื่องราวให้เราฟังวันนี้ เค้ายังทำของที่ระลึกไว้ให้เราด้วย ไปดูกันเลย
อ๊อฟ : ฝีมือพี่เค้า อธิบายหน่อยสิ
กิจ : นี่เริ่มกันคนละที่ วาดกันคนละอย่าง
ตั้ม : แล้วก็โยง สุดท้าย มันก็คือ วัฐจักร ของชีวิต เริ่มจากพระอาทิตย์ทำให้เกิดฝน แล้วก้ลงมาเป็นน้ำ แล้วก็มี จิกกะบาล มาคอยถ่ายทอดเรื่องราว
อ๊อฟ : แฟนๆที่อยากได้เสื้อตัวนี้ ก็ส่ง comment เข้ามา
พี : วันนี้เราก็ขอบคุณ Monotone