“ณัฐ ศักดาทร” แชร์ประสบการณ์ เคลียร์พลังลบ เพิ่มพลังบวก ครบรส ดราม่า สนุก ฮา
น้ำตาเล็ด ใน ทอล์คโชว์ & คอนเสิร์ต “LIFE SESSION Talk & Play” ฟีดแบคตอบรับเยี่ยมสำหรับงาน “ทอล์คโชว์ & คอนเสิร์ต ชื่อ “LIFE SESSION Talk & Play” ของนักร้องนักแต่งเพลง “ณัฐ ศักดาทร” ที่เจ้าตัวเป็นปลื้มกับการตอบรับจากแฟนฯที่ซื้อบัตรเข้ามาชมทอล์คโชว์ครั้งแรกของเขา ไปฟังความรู้สึกของณัฐพูดถึงงานครั้งนี้ว่า
ณัฐ ศักดาทร “งานนี้ถือว่าเป็นงานที่ยากอีกงานหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ครับ เพราะเรายังไม่เคยจัดแบบทอล์คโชว์มาก่อน ทำให้ต้องทำการบ้านอย่างหนักมาก เพราะเราทำเองหมดเลย มีส่วนร่วมกับทีมงานที่ค่ายทุกขั้นตอน ตั้งแต่ คิดหัวข้อเรื่องที่จะพูด การเขียนสคริปต์ ซึ่งพอผ่านพ้นไปบอกเลยว่าหายเหนื่อยเลยครับ เพราะเสียงตอบรับน่าชื่นใจมาก มีทั้งเสียงหัวเราะ ร้องไห้ อินไปกับสิ่งที่เรานำมาแชร์ ก็อยากจะขอขอบคุณทีมงาน และแฟนฯทุกๆคนมากครับที่ทำให้งานครั้งนี้สมบูรณ์แบบที่สุด
ประเด็นที่ผมหยิบยกเอาขึ้นมาพูดแบ่งเป็น 2 Content คือ การเคลียร์พลังลบออกไปจากตัวเรา และการเพิ่มพลังบวกเข้ามา ผมหยิบยกเอาเรื่องราวกระแสลบต่างๆในสมัยที่ผมประกวดเอเอฟเอามาเล่า ซึ่งในตอนนั้นการถูกโจมตีในแง่ลบมากมายผมเสียใจกับคำครหาเหล่านั้น พอมาวันนี้ผมมองเรื่องราวเหล่านั้นในอีกมุมหนึ่งคือ เราไม่ได้เป็นแบบนั้นเราไม่ได้ไปให้ความหมายกับพูดของใครก็ไม่รู้มาตัดสินเราทั้งที่เขาเหล่านั้นไม่รู้จักเราดีพอด้วยซ้ำ ผมเลยเอาคำดูถูกเหล่านั้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนกำลังใจให้เราพัฒนาทำทุกสิ่งในชีวิตให้ดีขึ้นๆ มองพลังลบเหล่านั้นให้เป็นเรื่องที่ทำให้เรายิ้ม สนุกหัวเราะได้ และอีกเรื่องผมเอาการเป็นนักวิ่งมาราธอนของผมมาพูดถึงการเติมพลังบวกเข้าไปให้กับตัวเราเอง
ครั้งหนึ่งผมวิ่งฟูลมาราธอน 42 กิโล และได้เจอกับพี่ตูน บอดี้สแลม พี่เค้าถามผมว่าครั้งนี้อยากทำเวลาเท่าไหร่ผมตอบไปว่า 4 ชั่วโมงครับ จังหวะที่ผมเริ่มวิ่ง แล้วในอีกไม่กี่กิโลก็จะถึงเส้นชัย เมื่อทีมงานที่เป็นคนจับเวลาวิ่งแซงผมขึ้นไป ขณะนั้นผมอ่อนแรง ท้อ ดูถูกและอับอายในตัวเองที่บอกว่าจะวิ่งให้ได้ 4 ชม แต่ทำไม่ได้จนจะไม่วิ่งต่อให้ถึงเส้นชัย แล้วจู่ๆก็มีอีกเสียงหนึ่งก้องขึ้นมาในหัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้สิ สุดท้ายผมก็วิ่งต่อมาจนถึงเส้นชัยทำเวลาไป 4.06 ชั่วโมง ซึ่งพอมีใครมาถามผมว่าทำเวลาไปเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครบอกผมว่ามันน่าอาย และดูถูกผม ครั้งนี้ทำให้ผมคิดได้ว่าศัตรูที่น่ากลัวที่สุดที่ทำให้เราอ่อนแอ คือตัวเราเอง เราต้องไม่ดูถูกตัวเอง เราสามารถกำจัดพลังลบออกไปแล้วเติมพลังบวกได้ด้วยตัวเราเอง ครั้งนี้กลับทำให้ผมภูมิใจในสถิติใหม่ที่ผมเคยวิ่งมาทั้งหมดผมวิ่งไป 42 กิโลครั้งแรก”