โซฟี่-อัปสรสิริกดดันขึ้นแท่นนางเอกเต็มตัว!!! ทุ่มเกินร้อยทั้งร้องทั้งเต้นในละคร “นางฟ้าเปื้อนฝุ่น”
แม้จะผ่านงานละครมาแล้วหลายเรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนที่จะกดดันนางเอกสาววัยใสอย่าง โซฟี่-อัปสรสิริ อินทรคูสิน กับการขึ้นแท่น “นางเอกเต็มตัว” เรื่องแรกในละครเพลง “นางฟ้าเปื้อนฝุ่น” ของค่ายดูมันดี โดยผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร ที่ตั้งใจเจียระไน สาวโซฟี่ให้กลายเป็น “นางฟ้า” ในละครเรื่องนี้ให้จงได้ เนื่องจากเธอต้องรับบทสองคาแร็กเตอร์“พาขวัญ” และ “ขวัญใจ” เด็กสาวที่ใฝ่ฝันอยากเป็นหางเครื่อง และเมื่อ หญิงสาวลูกสาวรัฐมนตรีมีชีวิตราวนางฟ้าปลอมลงมาศึกษาคนบนดิน ปีกเปื้อนฝุ่นแลกเกียรตินิยมเรื่องราวสนุกสนานจึงเกิดขึ้น!!!
เรามีโอกาสได้พูดคุยกับสาวโซฟี่ในกองถ่ายแถวคลองสาม จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโลเกชั่นหลัก เธอบอกเล่าเรื่องราวการทำงานในละครเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียดเลยล่ะ!!!
“เล่นละครกับช่อง 7 มา 4 เรื่องแล้ว ได้แก่ คือหัตถาครองพิภพ (จบสากล),วัยมันส์พันธุ์อสูร, ฉันทนาสามช่า แล้วล่าสุดก็เรื่อง นางฟ้าเปื้อนฝุ่น เป็นเรื่องแรกที่ได้เป็นนางเอกละครเย็นเต็มตัวเลยค่ะ พอรู้ก็ตื่นเต้นมาก ความที่เป็นละครแนวคอเมดี้ ที่ไม่เคยเล่นก็เลยกลัวนิดนึงต้องไปทำการบ้านดูว่าเขาเล่นคอเมดี้กันยังไง แล้วในเรื่องมีเล่นดราม่าและโรเมนติกด้วยและรู้อีกว่าเป็นละครเพลงด้วยยอมรับว่ารู้สึกดีใจที่จะได้ร้องเพลงอีกแล้ว แล้วเป็นเพลงลูกทุ่ง ความรู้สึกมันท้าทายเราแน่นอน แต่ก็พร้อมอะไรที่เป็นเรื่องของดนตรีหนูก็ร้อยเปอร์เซ็นต์ แม่เองก็ดีใจที่ลูกจะได้ร้องลูกทุ่งอีกแล้วเพราะแม่ชอบ มันเป็นความรู้สึกหลายอารมณ์เป็นปลื้ม มีความกลัวนิดๆกังวลหน่อยๆ แต่ก็รู้สึกสนุกกับมันค่ะ”
@พูดถึงเรื่องชอบร้องเพลง เคยผ่านการประกวดมาหรือเปล่า
“ไม่เคยประกวดค่ะ แต่เป็นคนที่อยู่กับดนตรีตั้งแต่เด็กเรียนเต้นมา 13 ปี ตอนเด็กๆ เรียนบัลเล่ย์แจ๊สพอโตขึ้นมาก็เริ่มเรียนพวกสตรีทฮิพฮ็อพ แล้วก็พวกเร็กเก้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งแม่ทั้งพี่ (ชิน ชินวุฒิ) และเราชอบกันทั้งครอบครัวเวลาอยู่บ้านก็จะเปิดดนตรีเต้นกัน เรียกว่าโตขึ้นมากับดนตรีและการเต้นเลยก็ว่าได้ การเต้นจึงอยู่ในสายเลือดและจิตใจของหนูเลยค่ะ ส่วนเรื่องการร้องก็ชอบนะแต่อาจจะไม่มั่นใจเท่ากับการเต้น ซึ่งเรื่องการร้องแม่เป็นคนเห็นว่าเรามีแววก็เลยให้ไปฝึกเรียนร้องเพลงซึ่งมันก็ค่อยๆดีขึ้นจริงๆเรียนมา 5 ปีก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ทุกวันนี้ก็ยังเรียนอยู่ค่ะ ทำให้หนูเก่งขึ้นมากทั้งเรื่องการร้อง การออกเสียง และการสื่ออารมณ์ตัวเองในเพลง”
@เรียนทั้งร้องและเต้น เคยคิดมั้ยว่าจะเอามาใช้ในการเข้าวงการบันเทิง
“ก็เคยคิดอยากเป็นนักร้อง เป็นนักแต่งเพลงนะ แต่พอมีโอกาสเข้ามาที่ช่อง 7 ได้เล่นละครแล้วจู่ๆได้เล่นละครเพลงด้วย มันรู้สึกว่า โอ้โห…ทุกสิ่งที่เราทำและเราชอบมันรวมเป็นหนึ่งอย่างที่เราต้องทำ ยอมรับว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีใจมาก มีความสุขและฟินกับการเล่นละครเรื่อง นางฟ้าเปื้อนฝุ่น มากๆ ค่ะ”
@การร้องเพลงลูกทุ่งยากมั้ย
“ยากค่ะ ตั้งแต่เด็กเราก็ฟังเพลงลูกทุ่งเยอะมากเพราะที่บ้านคุณพ่อและคุณย่า ท่านจะฟังอยู่แล้ว เราก็ได้แต่ฟังไม่เคยร้องหรือเต้นแบบหางเครื่อง เพราะรู้สึกยากก็เลยกลัว พวกเอื้อน ลูกคอต่างๆมันเป็นแบบเอกลักษณ์ความเป็นไทยจริงๆ จะร้องให้เหมือนเขาก็รู้สึกท้าทายมาก พอได้มีโอกาสร้องและฟังที่ตัวเองร้องก็ทำให้รู้ว่าตัวเองก็ทำได้เหมือนกันทั้งนี้ต้องขอบคุณครูเอ๋ที่ช่วยแนะนำเวลาร้องเพลงแนวนี้ต้องใช้เสียงแบบไหน โดยปกติเสียงหนูจะออกสไตล์ฝรั่ง ทุ้มๆแนวอาร์แอนด์บี ก็เลยต้องมาดัดเสียง พยายามหาเนื้อเสียงให้ออกมาฟังเป็นลูกทุ่งให้มากที่สุดค่ะ”
@จากการได้โชว์ร้องเพลงหลายเพลงในละคร ฝันอยากเป็นนักร้องหรือไม่
“ถ้าเป็นได้ก็อยากนะคะ แต่ความจริงได้ร้องเพลงประกอบละครเพียงแค่นี้หนูก็ดีใจเพราะได้ทำในสิ่งที่เรารัก ไม่จำเป็นต้องไปออกอัลบั้มก็ได้ ขอแต่ได้มีโอกาสโชว์ฝีมือตัวเอง ทำให้คนได้มีความสุขจากการฟังเพลงของเรา เพียงแค่นี้ก็โอเค.แล้ว ถ้าละครเรื่องนี้ได้เดินสายก็ยิ่งดี เพราะหนูเป็นคนชอบอยู่บนเวที ได้สื่อสารได้เล่นกับคนค่ะ”
@เรื่องนี้ร้องเพลงประกอบละครจำนวนกี่เพลง
“ที่แต่งใหม่มี 4 เพลง แล้วมีอีก 1 เพลงร้องเพลง โปงลางอินดี้ กับพี่ยิ่งยง ยอดบัวงาม ในฉากค่ะ โดยใน 4 เพลงที่ร้องเพลง สามช่าอินเตอร์ เป็นเพลงคู่ ร้องกับพระเอกแล้วก็มีเพลงช้า เธอคือดวงใจ เพลงนี้จะทำเป็น 2 เวอร์ชั่นของหนูกับของพระเอก นอกจากนี้ก็มีเพลง ความฝัน แนวจะออกบรอดเวย์หน่อยๆ แล้วก็มีอีกเพลงเป็นเพลง แก๊งค์นางฟ้า ซึ่งเป็นเพลงไตเติ้ลของละครเรื่อง นางฟ้าเปื้อนฝุ่น เลย จำได้ว่าตอนบวงสรวงละครได้ยินเพลงแก๊งค์นางฟ้า ที่ตัวเองร้อง ยังตกใจเพราะเสียงไม่เหมือนเราเลย ก็รู้สึกตื่นเต้นว่าเราทำได้เหมือนกันนะ ซึ่งเพลงที่ร้องยากมากที่สุด หนูว่าเพลง เธอคือดวงใจ ยากที่สุด พอเป็นเพลงลูกทุ่งที่ช้ามันก็จะมีลูกเอื้อน ลูกคอต้องชัดเจน แล้วก็ต้องพยายามสื่ออารมณ์ด้วย เป็นเพลงที่เพราะมาก เข้าถึงใจมาก อินมาก ท้าทายที่สุดค่ะ”
@พี่ชาย (ชิน ชินวุฒิ)ฟังแล้วว่าไงบ้าง
“พี่บอกว่า…น้องเราเป็นนักร้องลูกทุ่งไปแล้ว ดูท่าทางปลื้ม ส่วนแม่ก็เปิดฟังในรถตลอดบอกว่าชอบค่ะ ซึ่งหนูรู้สึกภูมิใจมากที่เราสามารถทำได้ตามความคาดหวังทุกคน”
@ถามถึงข่าวเม้าท์นิดหนึ่ง รู้สึกยังไงที่คนมองว่าเราเข้ามาอยู่ตรงนี้ได้เพราะพี่ชาย (ชิน ชินวุฒิ)
“คิดว่ายังไงก็ต้องมีคนคิดแน่ๆ ถามว่ารู้สึกกดดันมั้ย ก็รู้สึกตั้งแต่เข้าวงการเลย เพราะเห็นว่าเราเป็นน้องศิลปินก็ย่อมมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ซึ่งตรงนี้หนูไม่เห็นด้วยนะคะ เพราะมีคนเรียกมาแคสติ้งเราก็มาแคสปกติแล้วช่องชอบขอให้มาเซ็นสัญญา ซึ่งก็เหมือนคนอื่นทั่วๆ ไป จะกดดันก็ตรงที่เราเป็นน้องพี่ชินเราก็ต้องมีพรสวรรค์เท่าเค้าหรือต้องทำให้ดีเท่าเค้าให้ได้มีแค่จุดนี้ที่หนูกดดัน แต่ด้านพี่ชินเขาไม่กดดัน แม้เป็นน้อง แต่พี่เขารู้ว่าพรสวรรค์ของหนู หรือทักษะของหนูมันเป็นของตัวหนูเอง เพราะฉะนั้นจะทำได้ดีแค่ไหนมันก็คือตัวหนูเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หนูต้องทำให้ดีที่สุด เพราะมีคนคาดหวังเราแล้ว เราก็ต้องทำให้ได้ทำให้ดีสมกับผู้ใหญ่มองเห็นอะไรในตัวเราและให้โอกาสค่ะเรื่องคำแนะนำ ปกติพี่เขาจะไม่แนะนำในเรื่องการแสดงเท่าไหร่ เหมือนอยากให้เราไปค้นหาเอง แต่ให้คำแนะนำเรื่องการวางตัวต้องนับถือผู้ใหญ่ ทำตัวอย่างไรก็ดีนะ”
@ในเรื่องต้องเต้นแนวหางเครื่องด้วย
“แม้จะมีทักษะในการเต้นมาเยอะ แต่พอมาเต้นเป็นหางเครื่องจริตมันจะคนละอย่าง การสื่อทางสีหน้า มือไม้ หรือขา มันก็จะมีความต่างจากพวกบัลเล่ต์ พวกสตรีท แต่เราก็สามารถนับทักษะการนับจังหวะมาช่วยได้ แล้วหนูก็ไปเซิร์สหาดูพวกหางเครื่องเต้นด้วย พอเวลาจะถ่ายฉากเต้นครูที่คิดท่าเต้นก็จะมาช่วยดูซึ่งเราก็ซ้อมไม่นานก็ถ่ายได้ เพราะแต่ละคนก็เป็นศิลปินมีพื้นฐานการเต้นอยู่แล้ว ต่างคนก็เลยสะบัดกันสุดๆทำให้สนุกรู้สึกเอ็นจอยกับการทำงานค่ะ”
@คาแรคเตอร์ของตัวละคร “พาขวัญ” เป็นอย่างไร
“เป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองและมั่นใจว่าตัวเองทำอะไรก็ได้ แล้วก็เป็นลูกคุณหนู ความที่เป็นนักศึกษาปี 4 ( แต่ชีวิตจริงปี2 โซฟี่ก็ยอมรับว่าทำให้เธอต้องทำตัวให้โตขึ้นมาหน่อย) แล้วกำลังทำ Thesis เรื่องการเต้น เพราะอยากเลือกอะไรที่ไม่เคยทำก็เลยอยากทำเรื่องของหางเครื่อง แต่คุณแม่ไม่ชอบเพราะกลัวคนอื่นเห็นแล้วจะไปพูดไม่ดี พาขวัญก็เลยตัดสินใจปลอมตัวเข้าไปในวง ชาญชลธี แล้วก็บอกแม่ว่าไปไปออกแคมป์เรียนรู้เรื่องบัลเล่ต์เพื่อเอามาทำ Thesis คุณแม่ก็บอกว่าดีมาก แต่ไม่รู้ว่าลูกสาวปลอมตัวเป็น ขวัญใจ ไพเราะ เข้าไปอยู่ในวงลูกทุ่งแล้ว”
@ยากง่ายแค่ไหน
“ยากพอสมควร เวลาเข้าฉากในแต่ละฉากมันจะมีจังหวะฉาก มีจังหวะของซีน ซึ่งพี่วุธ (อัษฎาวุธ) ช่วยหนูเยอะมากในการจับจังหวะ เพราะเมื่อก่อนหนูไม่เคยคิดเลยว่าหนึ่งฉากมันมีจังหวะแบบไหน เรารู้ว่าหนึ่งฉากต้องอารมณ์แบบนี้นะแต่เราไม่เคยคิดเลยว่าหนึ่งฉากจะมีจังหวะยังไง ก็ได้พี่วุธคอยช่วยคอยแนะนำ อย่างฉากนี้มันต้องตื่นเต้น หรือฉากนี้ต้องแฮปปี้ เราก็พยายามเอาวิชาเหล่านี้ซึมเข้าไปในตัว”
@เรื่องการพูดเร็วเป็นปัญหาหรือเปล่า
“มีปัญหานิดหน่อย เพราะความที่เราเป็นคนใต้ มาจากภูเก็ต สายพูดเร็ว บางทีก็เลยพูดรัว บางทีเจอฉากพูดยาวๆหนูก็จะพูดอย่างเร็ว ก็โดนติงว่าไม่เอานะอย่าพูดเร็วเดี่ยวจะฟังไม่เข้าใจ หนูก็เลยต้องพยายามพูดช้าลงเพื่อทำความเข้าใจกับประโยคนั้นให้ดีขึ้นจะได้สื่ออารมณ์ออกมา”
@มีฉากไหนที่เราอยากพรีเซ้นต์ให้คนต้องดู
“ไม่ใช่ฉากแต่เป็นช่วงหนึ่งของเรื่อง ในเรื่องเราต้องไปสามงานในหนึ่งวัน มีทั้งไปร้านหมูกระทะซึ่งก็ไปกับวง ต้องไปกินข้าวกับคุณแม่ด้วยก็ต้องกลับไปเป็นคุณหนู แล้วก็ต้องกลับไปหาคุณครูที่มหาวิทยาลัยอีก มันต้องเปลี่ยนชุดอุตหลุดมาก ก็เหนื่อยนะแต่ก็สนุกดีค่ะ นอกจากนี้พวกฉากเอ็มวีก็ชอบเพราะทุกคนจัดเต็มทั้งเสื้อผ้า หน้าผม ถ่ายกันแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืน แต่ทุกคนก็เต็มที่กันมากทั้งร้องทั้งเต้นเป็นอะไรที่มันส์สนุกไม่มีใครยอมใครภาพก็ออกมาสวยหนูชอบอยากให้ดูกันค่ะ”
@พูดถึงพระเอก ปรัชญ์ปรมิณ กันหน่อย
“เราสนิทกันมากเพราะเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ก็รู้สึกดีใจได้มาแสดงด้วยกันอีก ความรู้เหมือนได้ร่วมงานกับเพื่อน ในเรื่องต้องมีฉากพูดกัดกันเยอะมากก็รู้สึกสนุกดี …ถ้าให้เม้าท์พี่ปรัชญ์ๆปกติเป็นคนเครียดง่าย ด้วยความที่ตั้งใจทำงานมากพอเล่นไม่ได้ก็จะกดดันตัวเอง…แล้วจะบ่นว่าทำไมตัวเองทำไม่ได้ หนูก็จะคอยปลอบว่า เธอทำได้แต่อย่าไปรีบ คือบางทีพี่เขากลัวว่าจะทำให้กองถ่ายช้าหรือเปล่า แต่ถ้าเวลาว่างไม่ถ่ายทำพี่เขาก็ชอบแกล้งหยอดมุข 5 บาท ใส่เราก็ไม่รู้เรื่อง เขาก็จะขำ เป็นคนเฮฮามาก แต่พอเข้าโหมดทำงานก็จะทำงานค่ะ”
@รู้สึกไงที่ถูกจับให้เป็น “คู่จิ้น”
“ก็ตลกดีค่ะ เรื่องที่แล้วก็ถูกจับให้เป็นคู่จิ้นพุ่งปลิ้น ช่วงนั้นถ่ายละครด้วยกันตลอดก็เลยพากันทานข้าวเลยอ้วน แต่คนก็ชมว่าน่ารัก พอหลังจากนั้นแฟนๆก็อยากให้ร่วมงานกันอีกแล้วพอประกาศว่า ได้เล่นเรื่อง นางฟ้าเปื้อนฝุ่น หลายคนก็บอกว่ารอติดตามนะ มันก็เป็นความรู้สึกที่อิ่มใจที่ยังมีแฟนรอผลงานเราทั้งคู่อยู่ค่ะ”
@คาดหวังไว้แค่ไหนกับการเป็นนางเอกเต็มตัวในละครเรื่องนี้
“อยากบอกว่าทั้งกดดันและคาดหวังมาก แต่ก็หวังว่าด้วยความพยายามของเราและทุกๆอย่างที่เราทำลงไปคนจะชอบ อยากบอกว่าเป็นละครที่นั่งดูกับครอบครัวได้แล้ว ร้องเพลงตาม ซึ่งถ้าหนูเวลาเห็นภาพคนที่ร้องเพลงตามเราได้หนูจะรู้สึกชอบมากๆ แสดงว่าเขาติดตามผลงานเรา และมีความสุขในการชมผลงานของเรานะ”
@ในสายตาของเราคิดอย่างไรกับอาชีพนักแสดง
“มันเป็นประสบการณ์ที่สามารถช่วยหนูในชีวิตได้หลายๆอย่าง ช่วยหาเงินเพื่อช่วยครอบครัว ช่วยให้เรารู้จักคนมากขึ้น ได้เจอคนหลายๆแบบ ได้เล่นบทบาทหลากหลาย ทำให้เราสามารถเรียนรู้ชีวิตคนที่เราเจอ ได้รู้จักการใช้ชีวิตมากขึ้นด้วยค่ะ”
@ถ้ามีโอกาสเลือกบทได้อยากเล่นบทอะไร
“อยากเล่นบทบู๊ค่ะ เห็นคนอื่นเล่นก็รู้สึกว่ามันน่าจะเหนื่อยนะ แต่มันก็เป็นอะไรที่ท้าทายทั้งอารมณ์และท้าทายทั้งร่างกาย เพราะตอนถ่ายทำเราก็อาจไม่ได้อยู่กับแอร์ ถ่ายในป่า อาจต้องกระโดดข้ามรถอะไรนี้เป็นอะไรที่อยากเล่นมาก เพราะเราเป็นคนที่ชอบอะไรลุยๆ เห็นเพื่อนๆ เซฟฟานี อาวะนิค ได้เล่น หักลิ้นช้าง มันทำให้อยากเล่นละครบู๊มาก เลยทำให้ชอบดูละครบู๊ด้วย ดูแล้วอิน…”
@วกมาถึงเรื่องเรียนกันหน่อย
“ตอนนี้เรียนอยู่ปี 2 มหาวิทยาลัยรังสิตอินเตอร์ คณะบริหารธุรกิจ ซึ่งก็ต้องขอบคุณทางมหาวิทยาลัยก็ช่วยเราเยอะในการเลือกวิชาได้เพราะเรามีคิวต้องถ่ายละคร ถ้าวันไหนไม่ใช่คิวถ่ายหนูก็จะจัดตารางลงเรียนให้เยอะที่สุด 3 วัน 6 วิชา เทอมหน้าหนูก็จะเรียน 3 วัน 7 วิชา หนูต้องเรียนไรก็จะอัดเข้าไปเลย หนูเป็นคนชอบเรียน และก็ชอบทำงานด้วย ก็เลยจะพยายามให้เวลาเท่าๆกันทั้งคู่ ซึ่งหนูเป็นเด็กทุนก็ต้องมีคะแนนสูง 3.5 ขึ้นไป ในช่วงนี้หนูได้ 4.00 อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่านะคะ”
@มีเคล็ดลับเรียนดีมั้ยอ่ะ
“หนูเป็นคนถ้าเข้าห้องเรียนต้องตั้งใจเรียน เพราะถ้าไม่ตั้งใจในห้อง เมื่อกลับมาอ่านหนูก็จะไม่ได้อะไร แต่ถ้ามุมกลับกันอยู่ในห้องตั้งใจมากก็จะจดโน้ตพอกลับมาอ่านมันก็จะเข้าใจเหมือนกัน ซึ่งมันก็ไม่เสียเวลาไง อีกทั้งเราอยู่ในกองถ่ายก็ต้องอ่านท ต้องทำอารมณ์ บางทีเอาหนังสือสอบมาอ่านในกองมันเลยจะมึน เลยตัดสินใจว่าเวลาอยู่ในห้องจะตั้งใจเรียน เวลาทำงานก็ต้องตั้งใจทำงาน ถ้าสอบก็ต้องทบทวนค่ะ ซึ่งแม่ก็บอกว่าลูกไม่ต้องเครียดกับการเรียนขนาดนั้น แม่ไม่กดดันแต่หนูกลับกดดันตัวเองว่าเราต้องทำได้”
@ฝากทิ้งท้ายโปรโมทละครกันหน่อย
“อยากฝากละครเรื่อง นางฟ้าเปื้อนฝุ่น ก็อย่างที่บอกไปเป็นนางเอกเรื่องแรก เป็นบทที่ท้าทาย การแสดงหลากหลายมีมุมทั้ง คอเมดี้ โรแมนติกดราม่าก็มี เลยอยากให้ทุกคนและทุกครอบครัวได้ดูกัน เหมือนเราเป็นเพื่อนกันคุยกันทางหน้าจอ เป็นละครที่สนุก เพลงเพราะ นักแสดงและผู้จัดจัดเต็ม ครบทุกรสชาติ เต็มอิ่มกันแน่นอนค่ะ”
ย้ำหนักแน่นขนาดนี้ คงต้องเอาใจช่วยสาวโซฟี่ด้วยการติดตามชมละคร “นางฟ้าเปื้อนฝุ่น” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.35 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.20 น. ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และผลงานต่างๆ ของเธออย่างต่อเนื่องแล้ว