Share Button

“เอ็น.ฟลายอิ้ง” กลับมาทวงใจ “เอ็นเฟีย” สำเร็จ คอนเสิร์ต “2022 เอ็นฟลายอิ้ง ไลฟ์ ‘อินทู เดอะ ไลท์’ อิน แบงคอก” ระเบิดความร้อนแรง ทั้งร้องและเล่น จัดเต็มให้คุ้มไม่เจอกัน 3 ปี!!

และแล้ววันที่เหล่า เอ็นเฟีย (N.Fia: ชื่อเรียกกลุ่มแฟนคลับของ “เอ็น.ฟลายอิ้ง” (N.Flying) ชาวไทยรอคอยมานานกว่า 3 ปีก็มาถึง เมื่อคอนเสิร์ต “2022 เอ็นฟลายอิ้ง ไลฟ์ ‘อินทู เดอะ ไลท์’ อิน แบงคอก” (“2022 N.Flying Live ‘Into The Light’ in Bangkok”) ได้ระเบิดความมันส์ขึ้นเมื่อค่ำคืนวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ อัลตร้า อารีน่า ชั้น 6 ศูนย์การค้าโชว์ ดีซี โดยผู้จัดใจดีเจ้าเดิม “อะชิ แอคทิเวชั่น” (A CHI ACTIVATION) และ บริษัท “ชาณ แอคทิเวชั่น จำกัด” (CHAN ACTIVATION CO., LTD.) รู้ใจเหล่าเอ็นเฟีย พา“เอ็น.ฟลายอิ้ง” 5 สมาชิกหนุ่มมากฝีมือ อี ซึงฮยอบ (Lee Seung Hyub : หัวหน้าวง, ร้องนำ, แร็ปเปอร์, กีต้าร์, เปียโน), ชา ฮุน (Cha Hun : กีต้าร์ ), คิม แจฮยอน (Kim Jae Hyun : กลอง), ยู ฮเวซึง (Yoo Hwe Seung : นักร้องเสียงหลัก) และ ซอ ดงซอง (Seo Dong Sung : เบส) จากค่าย“เอฟเอ็นซี เอนเตอร์เทนเม้นต์” (FNC ENTERTAINMENT) กลับมาเจอกับแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งตามสัญญา

เพียงแค่หนุ่มๆ N.Flying ที่เดินขึ้นมาประจำตำแหน่งบนเวที เอ็นเฟีย ก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ ลุกขึ้นกรีดร้องต้อนรับความสนุกที่แสนคิดถึงกันสุดเสียง ด้านหนุ่มๆ “เอ็น.ฟลายอิ้ง” หลังจากทักทายก็เข้าประจำที่แล้วเสิร์ฟความร้อนแรงกับเพลงแรก The World is Mine ฟาก เอ็นเฟีย ก็หยิบแท่งไฟสีทองขึ้นมาโบกตามจังหวะเพลงกันอย่างสนุกสนาน แล้วตามติดด้วยเพลง R U Ready? ที่ช่วยเร่งอุณหภูมิให้เลือดสูบฉีด งานนี้ทั้ง “เอ็น.ฟลายอิ้ง” และ เอ็นเฟีย พากันกระโดดและปรบมือไปด้วยกันตลอดทั้งเพลง ก่อนจะปิดเบรกแรกด้วยเพลง Endless Summer(Koren Ver.) ที่พาทุกคนในฮอลล์ไปพบกับความสดใสของท้องทะเลในช่วงฤดูร้อน

“โอ้โห จะเอาตั้งแต่เพิ่งเริ่มกันเลยเหรอ?” ซึงฮยอบ พูดขึ้นก่อนจะทักทายว่า “‘สวัสดีครับ “เอ็น.ฟลายอิ้ง” ครับ’ ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานเลย มาไทยอีกครั้งในรอบ 3 ปี เรามาสวัสดีกันทีละคนดีมั้ยครับ” เริ่มจากลีดเดอร์สุดเท่ “สวัสดีครับ ผมชื่อ ซึงฮยอบ ครับ” ตามด้วยมือกีตาร์หน้าหวาน “สวัสดีครับ ผมชื่อ ชาฮุน ครับ” แล้วก็ถึงคิวมือกลองขี้เล่น “ผม แจฮยอน ตีกลองใน “เอ็น.ฟลายอิ้ง” สวัสดีค้าบ รักนะ จุ๊บจู๊บ”(แฟนๆ กรี๊ดกันสนั่น) ตามมาติดๆ กับนักร้องนำเสียงทรงพลัง “สวัสดีครับ ผมชื่อ ฮเวซึง ครับ” ก่อนปิดท้ายด้วยมือเบสน้องเล็ก “สวัสดีครับ ผมชื่อ ดงซอง ครับ” แล้ว ซึงฮยอบ ก็พูดต่อทันที “เอ็นเฟีย ของพวกเรา เรากลับมาในรอบ 3 ปี ไม่ลืมพวกเราใช่มั้ยครับ? เดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่า “เอ็น.ฟลายอิ้ง” คือใคร?”

GtyQB0.th.jpg Gtyij8.th.jpg GtyUUu.th.jpg Gtyq8Z.th.jpg GtyE0I.th.jpg GtyOcP.th.jpg Gtyb2t.th.jpg Gtyjye.th.jpg

view More & Full size Photos

แล้วเพลง Awesome ดังกระหึ่มพร้อมกับความร้อนแรงที่ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถนั่งดูได้อีก เอ็นเฟียทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นกระโดดตาม 5 หนุ่มกันทั้งฮอลล์ ก่อนเสิร์ฟความฮอตกับเพลง Monster ที่ทำเอาหนุ่ม ซึงฮยอบ ถึงกับต้องถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วไปสนุกสุดเหวี่ยงกับเพลงใหม่อย่าง Video Therapy ที่ไม่ว่าใครก็ต้องโยกตาม จบเพลง ฮเวซึง ชวนคุยต่อ “เพลงที่ร้องไปเมื่อกี้เป็นเพลงใหม่นะครับ เป็นยังไงบ้าง? พวกเราซ้อมด้วยความตื่นเต้นเพื่อจะให้ทุกคนได้ชมกัน พอมาเห็นทุกคนชอบ ก็รู้สึกดีใจมากเลยครับ” ซึงฮยอบ ถามขึ้นว่า “พอจะรู้แล้วใช่มั้ยครับว่า“เอ็น.ฟลายอิ้ง” คือใคร? ถึงเวลาแล้วละ ที่ เอ็นเฟีย ต้องบอกบ้างว่า เอ็นเฟีย คือใคร?” ก่อนจะถาม ดงซอง ว่าเป็นยังไงบ้าง? “สำหรับผมเมืองไทยคือครั้งแรกครับ ครั้งแรกกับพี่ๆ วง “เอ็น.ฟลายอิ้ง” ผมตื่นเต้นมากจริงๆ ครับ ตอนช่วงซ้อมผมได้เจอ เอ็นเฟีย แล้วรอบหนึ่ง ก็เลยทำให้ตอนนี้สนุกได้อย่างเต็มที่ และอยากให้ เอ็นเฟีย ร่วมสนุกให้เต็มที่ด้วยครับ” ซึงฮยอบ พูดถึงความหมายของคอนเสิร์ตครั้งนี้ “เรากลับมากับธีม Into The Light สิ่งแรกที่อยากทำคือได้เล่นคอนเสิร์ตต่อหน้าทุกคน ดังนั้นถ้าเราเข้าไปในแสงสว่างได้ ณ ที่นั้นก็คือคอนเสิร์ต และจุดๆ นั้นก็มีกรุงเทพฯ อยู่ด้วย” จึงทำให้เพลงที่จะร้องต่อไป เป็นเพลงที่ ซึงฮยอบ บอกว่าเป็นเพลงที่ พวกเขาคิดถึงกรุงเทพฯ มาโดยตลอด เพราะเมื่อร้องเพลงนี้ทีไร ความรู้สึกนั้นก็จะกลับมาทุกที พร้อมเอ่ยปากให้ช่วยกันร้องอีกครั้ง

แล้วเพลงน่ารักๆ อย่าง Blue Scene ก็เปลี่ยนบรรยากาศในฮอลล์ให้เต็มไปด้วยความสดใสแสนโรแมนติก ต่อด้วยความสนุกที่ร้อนระอุขึ้นอีกครั้งกับเพลง Preview และเพลง I Like You ทำเอาเหล่าเอ็นเฟีย ลุกขึ้นกระโดดกันอีกครั้ง “สนุกมั้ยครับ? เพลงเหล่านี้เป็นเพลงที่โชว์ว่าเราคิดถึงเมืองไทยมากแค่ไหน?” ฮเวซึงขอทำซึ้ง ก่อนที่ซึงฮยอบจะชวนคุยว่า “ก่อนจะมาเมืองไทยเราได้เข้าร่วม Concert Festival ต่างๆ มากมายที่เกาหลี ทำให้เราเล่นสดได้แน่นขึ้น มาถึงเพลงต่อไปเป็นเพลงที่ทำให้นึกถึงพลังงานเวลาที่อยู่บนเวที Festival ต่างๆ นะครับ” ระหว่างนี้ แจฮยอน มีคำถามบ้าง “ถ้าให้เลือกระหว่าง N.Flying Concert กับ N.Flying Festival จะเลือกอะไร? (แฟนๆ เสียงแตก) งั้นเอาเป็น Festival ที่สนุกใน Concert ก็แล้วกันนะครับ” จากนั้นเพลง You เพลงสุดน่ารักที่มีจังหวะให้โยกตามจน เอ็นเฟีย พร้อมใจกันชูป้ายแบนเนอร์ที่มีข้อความว่า “우리는 서로에게 80살까지 빛이 되는 거야” (เราต่างก็จะเป็นแสงที่ส่องสว่างให้แก่กันไปจนอายุ 80 ปี) ทำเอาหนุ่มๆซึ้งกันไป และเอ็นเฟียก็ได้เห็น แจฮยอน รัวกลองอย่างเมามันส์ในเพลง Leave It ทำเอาทุกคนลุกขึ้นมากระโดดตามหนุ่มๆ บนเวทีที่ใส่สุดเต็มพลัง ก่อนจะต่ออีกเพลงกับ Pardon? ที่หนุ่มๆ วิ่งวุ่นกันทั่วเวที แถมด้วยช็อตเด็ด ดงซอง มือเบส กับ ชาฮุน มือกีตาร์ ประชันฝีมือกันอยู่ข้างๆ แจฮยอน มือกลอง แบบไม่มีใครยอมใคร

ฮเวซึง พาเข้าช่วงพูดคุย “พวกเรามาถึงเมืองไทยกันเมื่อวาน ตอนที่ถึงสนามบิน สารภาพเลยว่าตอนแรกลืม พอออกมาถึงสนามบินปุ๊บ เอ็นเฟีย ของพวกเราให้การต้อนรับที่รุนแรง ทำให้จำสิ่งที่ลืมไปแล้วได้อีกครั้ง อา…ผมได้มาเมืองไทยจริงๆ แล้วนี่นา ว้าว… อบอุ่นเหลือเกิน อากาศมันดีต่อสุขภาพคออย่างมาก แล้วก็มองขึ้นไปบนฟ้า ท้องฟ้าสวยงามมาก ทำให้อารมณ์ดีคูณสามไปเลยครับ สรุปก็คือเมืองไทยดีจริงๆ” ด้าน ซึงฮยอบ ขอดูป้ายโปรเจ็คท์จากแฟนๆ “ปกติแล้วเค้าต้องโชว์กันตอนเพลงสุดท้ายไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมมันถึงขึ้นมาก่อนล่ะครับ? ผมอยากบอกว่าหลังจากจบ Encore Tour แล้วก็กลับมากับ Into The Light ตอนที่จบ Encore Tour รู้สึกว่ามันขาดอะไรไป ก็เลยอยากเป็นกำลังใจให้กับ เอ็นเฟีย ผมกับ ฮเวซึง ไปเดินเล่นกันแล้วก็ได้เห็นภาพตอนกลางคืน มันสวยมาก เราก็เลยถ่ายรูปมาให้ได้ดูกัน พอพูดถึงท้องฟ้าเมืองไทย แล้วแฟนๆ ทำโปรเจ็คท์นี้ให้เลยอยากขอบคุณที่เป็นดวงดาวที่สวยงามให้กับพวกเรานะครับ ทุกครั้งที่มาเล่นสดที่เมืองไทย ลืมไม่ลงจริงๆ วันนี้มาทำให้เป็นค่ำคืนที่ลืมไม่ลงกันเถอะนะครับ”

มาถึงเซ็ทเพลงแสนไพเราะที่เหมาะกับยามค่ำคืนเพราะทั้งซึ้ง เศร้าและเหงากันบ้าง เริ่มจาก GOOD BAM ต่อด้วย Fate ตอกย้ำความเศร้ากันอีกเพลง Sober ก่อนปิดท้ายๆด้วยเพลงเหงาของคนเท่กับเพลง Autumn Dream “ยังจำได้อยู่ใช่มั้ยครับ?” ซึงฮยอบ ถามขึ้น“มีสิ่งที่เราเตรียมมาเกือบ 3 ปีแล้ว ตอนนั้นเป็น Up Light ทัวร์ ครั้งนี้กลับมากับ Into The Light เราคิดหนักมากเลยว่าจะหาเพลงไหนมาเป็นของขวัญให้ เอ็นเฟีย ดี? เพลงนี้เตรียมมาเพื่อทำให้ เอ็นเฟีย ไทยละลายกันไปเลย คิดว่า เอ็นเฟีย น่าจะรู้จักเพลงนี้กันหมดนะครับ งั้นไปฟังกันเลยครับ ‘ร้องด้วยกัน’(พูดเป็นภาษาไทย)” แล้วเพลง ชอบตัวเองตอนอยู่กับเธอ(บิวกิ้น) ในเวอร์ชั่น น้องฮเวซึง ร้อง พี่ซึงฮยอบดีดกีตาร์ ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงกรี๊ดและร้องคลอตามของเหล่า เอ็นเฟีย พอจบเพลงปุ๊บ ซึงฮยอบ ถามว่า“ทุกคนรู้จักเพลงนี้กันใช่มั้ยครับ? เนื้อเพลงประมาณว่า ฉันชอบตัวเองเวลาที่อยู่กับเธอ คิดว่า เอ็นเฟีย น่าจะชอบ เลยเตรียมเพลงนี้มาครับ” ด้าน ฮเวซึง โยนคำถามไปที่ ชาฮุน ที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ “แล้วพี่ฮุนคิดว่าตัวเองเป็นยังไงเวลาอยู่กับ เอ็นเฟีย ครับ?” ชาฮุน ตอบว่า “ผมไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองขนาดนั้นน่ะครับ แต่ขอบคุณ เอ็นเฟีย ที่ทำให้ผมมีความมั่นใจมากที่สุดในโลกเลยครับ” แจฮยอน ที่นั่งคิดคำตอบอยู่หลังกลองโดนถามบ้าง “สำหรับผมแค่ถุงพลาสติกปลิวไปตามสายลมผมก็ยังขำได้ แต่เวลาที่เห็น เอ็นเฟีย มันยิ่งกว่าเห็นถุงพลาสติกครับ ทำให้ยิ้มตลอดเวลา ทุกๆ คนทำให้ผมยิ้มไม่หยุดเลยครับ” ถึงคิว ดงซอง ที่ยืนกดดันสุดๆ อยู่บ้าง “ได้ยินเสียงหัวใจของผมมั้ยครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะได้ยินกันหรอกครับ เพราะหัวใจของผมมันอยู่ข้างหน้าโน้น” ทำเอาเสียงกรี๊ดสนั่น ซึงฮยอบ ปิดท้ายว่า “ทุกคนสุดยอดมากเลย พวกเราเปล่งประกายมากที่สุดก็ตอนอยู่กับ เอ็นเฟีย นี่ละครับเรารักเมืองไทยเสมอ เราจะกลับมาเรื่อยๆ จนกว่าจะอายุ 80 เลย สัญญาครับ พวกเราก็จะรักษา เอ็นเฟีย จนถึงที่สุด” ฮเวซึง บอกก่อนเริ่มเพลงว่า “เดี๋ยวจะโชว์พลังที่อั้นไว้ 3 ปีให้ได้ดูกันนะครับ”

เข้าสู่ช่วงเวลาที่เดือดที่สุดในคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพราะหนุ่มๆ ขนเพลงมันส์ๆ มาเสิร์ฟกันแบบจุใจ ไล่ตั้งแต่ UP ALL NIGHT เพลงจังหวะชวนโดด จนถึงเพลง 4242 กับ The Real ที่เปิดโอกาสให้ ชาฮุน และ ดงซอง ได้ประชันสกิลการดีดกีตาร์ กับ เดินเบส กันอย่างสุดมันส์ ส่วนมือกลองหน้าทะเล้นอย่าง แจฮยอน ก็ตีกลองแบบสุดพลัง ฟากสองนักร้องนำ ฮเวซึง กับ ซึงฮยอบ ก็โชว์พลังเสียงแบบจัดเต็มไม่มีใครยอมใคร เรียกได้ว่า 3 ปีที่ห่างหายกันไป “เอ็น.ฟลายอิ้ง” พัฒนาฝีมือไปได้ไกลมากจริงๆ แต่ที่กรี๊ดสุดต้องยกให้ช็อตที่ ซึงฮยอบ กับ ฮเวซึง วิ่งลงมาหาแฟนๆ ถึงที่นั่งเลย ก็อย่างที่กล่าวขวัญกัน “เอ็น.ฟลายอิ้ง” เซอร์วิสแฟนๆจัดเต็มทุกครั้ง เผลอแป๊บเดียวคอนเสิร์ตมาถึงช่วงท้าย “เอ็น.ฟลายอิ้ง” หายเข้าไปหลังเวทีก่อนจะกลับมาอีกครั้งกับเสื้อธีมคอนเสิร์ต Into The Light ก่อนพาทุกคนกระโจนเข้าสู่ช่วงอังกอร์กับเพลง Just One Day ที่แฟนๆ พร้อมใจกันชูเบรนเนอร์ที่พิมพ์ข้อความว่า “만나지 못하면서도 기억해줘 함께 했던 시간들”(ช่วงเวลาที่ไม่ได้พบกันก็ช่วยจดจำช่วงเวลาที่เคยมีร่วมกันไว้ด้วยนะ) ซึงฮยอบ เห็นแล้วก็บอกว่า”จากข้อความในเบรนเนอร์ที่ว่า ให้คิดถึงกันตอนไม่ได้อยู่ด้วยกัน อันนี้ผมว่ามันใช้ไม่ได้นะครับ เพราะว่าทุกคนอยู่ในใจของพวกเราตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกว่าช่วยคิดถึงหน่อย แต่เรามาอยู่ด้วยกันไปนานๆ เลยนะครับ” ทำเอา เอ็นเฟีย ซึ้งฟินสิค่ะ

จากนั้น “เอ็น.ฟลายอิ้ง” ก็ขอถ่ายรูปร่วมกับเหล่า เอ็นเฟีย เป็นที่ระลึก พร้อมขอเผยความในใจอีกครั้ง เริ่มจาก ดงซอง พูดก่อนบ้าง “วันแรกที่พวกเรามาถึง ผมได้พูดไปตอนวันแถลงข่าวว่ามาเล่นคอนเสิร์ตในรอบ 3 ปีที่เมืองไทย มีเพลงที่อยากจะร้องให้ฟังเยอะมากแต่ด้วยข้อจำกัดของเวลา พวกเราจะกลับมาอีกบ่อยๆ เพื่อที่จะร้องเพลงที่ยังไม่ได้เล่นและเพลงที่จะปล่อยออกมาอีกในอนาคตนะครับ” ต่อด้วย ฮเวซึง ” เอ็นเฟีย ของพวกเรา นับวันรอเลยครับว่าจะได้เจอกันแบบนี้เมื่อไหร่ ทุกโมเม้นท์ตอนเล่นคอนเสิร์ต เล่นไปก็คิดไปว่าไม่อยากให้เวลาแบบนี้ผ่านไปเลย วันนี้เป็นวันที่มีค่าและมีความหมายมากๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ภาพ เอ็นเฟีย ที่คอยยิ้มต้อนรับเหมือนเดิมแบบนี้ มีค่ามากสำหรับพวกเรา เรามาเจอกันไปอีกนานๆนะ….รักนะครับ”

ถึงคิว แจฮยอน พูดบ้าง “เมื่อวานที่แถลงข่าว ผมได้บอกไปว่าวันนี้อุณหภูมิเมืองไทยจะร้อนขึ้นประมาณ 2 องศา แต่ผมรู้สึกว่าวันนี้อุณหภูมิมันเพิ่มขึ้นประมาณ 15 องศาแน่ๆ! ผมขอขอบคุณครอบครัว FNC ที่ลำบากกับพวกเรามาตั้งแต่อยู่ที่เกาหลี ขอบคุณสต๊าฟไทยที่ทำให้พวกเราได้มาเจอกับ เอ็นเฟีย ไทยในวันนี้ ขอบคุณล่าม (คุณยูคอนยอง) ด้วยนะครับ และขอบคุณเมมเบอร์ของพวกเราที่ซ้อมกันแบบไม่ได้หลับได้นอนเพื่อเตรียมคอนเสิร์ตในวันนี้ และรัก เอ็นเฟีย มากๆ ขอบคุณครับ” ถึงคิว ชาฮุน หนุ่มหล่อหน้านิ่งกันบ้าง “เมื่อวานช่วงแถลงข่าว มีคำภาษาไทยที่ผมรู้มาโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าผมจะพูดถูกรึเปล่านะครับ ‘คิดถึงมาโดยตลอดครับ’ เป็นคำที่อยากจะบอกจริงๆ พวกเรามาเมืองไทยในรอบ 3 ปี เสียงกรี๊ดและการต้อนรับบนเวทีที่ร้อนแรงแบบนี้เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่แล้วมันดูดีขึ้นเยอะเลย นั่นทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่พวกเราอย่างเดียวที่คิดถึง แต่ เอ็นเฟียไทย ก็คิดถึงพวกเรามากๆๆ เช่นกัน ทำให้รู้สึกได้จริงๆ สงสัยต่อไปต้องมาบ่อยๆ แล้วครับ ขอบคุณที่สร้างความทรงจำที่สวยงามแบบนี้ให้ รักจริงๆ นะครับ” มาถึง ซึงฮยอบ กล่าวปิดท้าย “ขอบคุณมากๆ นะครับ เอ็นเฟียไม่ใช่เฉพาะ เอ็นเฟีย ไทยเท่านั้น ผมรู้อยู่นะครับว่ามี เอ็นเฟีย มาจากหลายที่ พวกเราจะไปหา เอ็นเฟีย ที่อยู่ทั่วโลกเลย เรามาเจอกันไปอีกนานๆ นะครับ ขอเสียงปรบมือให้กับทีมงานที่มาเตรียมงานแต่เช้าด้วยครับ “เอ็น.ฟลายอิ้ง” ก็จะพัฒนาต่อไป ทั้งในเรื่องเล่นสด และงานเพลง ส่วน เอ็นเฟีย ก็สู้ๆ ด้วยนะครับ ไฟส์ติ้ง… เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ รักมากๆจริงๆ ครับ ไปกันเถอะ”

เพลง Rooftop ดังก้องทั่วฮอลล์พร้อมกับความร้อนแรงที่โหมกระหน่ำขึ้นอีกระลอก แต่ถึงจะเป็นเพลงสนุกๆ แต่นักร้องนำก็พยายามบอกรักแทรกเข้าไปในเพลงอยู่ตลอด จบเพลงสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุด เพราะ เอ็นเฟีย ไม่ยอมให้หยุดง่ายๆ แจฮยอน กับ ซึงฮยอบ จึงต้องปรึกษาหาเพลงอังกอร์สุดท้าย ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าเป็นเพลงที่เคยร้องตอนมาไทยครั้งก่อนอย่าง Don’t Forget This น่าจะเหมาะสุด แล้วความสนุกสุดมันระลอกสุดท้ายก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง ความรัก ความคิดถึง ที่ “เอ็น.ฟลายอิ้ง”และ เอ็นเฟีย ไทยมีให้ต่อกันตลอด 3 ปี ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้นในเพลงสุดท้าย แต่นี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน ตลอดเวลาในคอนเสิร์ตที่พวกเขาเผยความในใจ แล้วการโชว์แบบไม่กลัวเหนื่อย บวกกับสายตาอาลัยอาวรณ์ของหนุ่มๆทั้ง 5 พร้อมคำสัญญาว่าจะกลับมาอีกจนกว่าจะอายุ 80 ปี ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง แต่งานนี้คงต้องรออีก 2 ปี หวังว่าเมื่อวันนั้นมาถึง เอ็นเฟีย จะกลับมารวมพลังความร้อนแรงแบบนี้กันอีก

“เอ็น.ฟลายอิ้ง” หอบความคิดถึง…อวดความน่ารักกระหน่ำงานแถลงข่าว!!!

หลังจากทนคิดถึงเมืองไทยอยู่ 3 ปีเต็ม ในที่สุด 5 หนุ่มหล่อ ร้องดี แร็ปดี เล่นดนตรีเก่ง “เอ็น.ฟลายอิ้ง”( N.Flying) จากค่าย “เอฟเอ็นซี เอนเตอร์เทนเม้นต์” (FNC ENTERTAINMENT) ก็ได้โอกาสเดินทางมาพบกับ เอ็นเฟียชาวไทยอีกครั้งในงานคอนเสิร์ต “2022 เอ็นฟลายอิ้ง ไลฟ์ ‘อินทู เดอะ ไลท์’ อิน แบงคอก” (2022 N.Flying Live ‘Into The Light’ in Bangkok) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ณ อัลตร้า อารีน่า ชั้น 6 ศูนย์การค้าโชว์ ดีซี แต่ก่อนที่จะไประเบิดความมันส์ในคอนเสิร์ต ทางผู้จัดใจดี “อะชิ แอคทิเวชั่น” (A CHI ACTIVATION), บริษัท “ชาณ แอคทิเวชั่น จำกัด” (CHAN ACTIVATION CO., LTD.) ก็ได้พาทั้ง 5 หนุ่มหล่อ นำโดย อี ซึงฮยอบ (Lee Seung Hyub : หัวหน้าวง, ร้องนำ, แร็ปเปอร์, กีต้าร์, เปียโน), ชา ฮุน (Cha Hun : กีต้าร์), คิม แจฮยอน (Kim Jae Hyun : กลอง), ยู ฮเวซึง (Yoo Hwe Seung : นักร้องเสียงหลัก) และ ซอ ดงซอง (Seo Dong Sung : เบส) มาพูดคุยกันก่อนในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ ทองหล่อ ชั้น 6 โดยมีพิธีกรและล่ามทูอินวัน อย่างคุณยูคอนยอง รับหน้าที่บนเวที

view More & Full size Photos

ทันทีที่หนุ่มๆ เอ็นฟลายอิ้ง ปรากฏตัวด้วยท่าทีสุดคึกคักแต่หล่อและน่ารักยิ่งกว่าเดิม พี่ๆ สื่อมวลชนก็รัวชัตเตอร์ไม่ยั้งตามที่นัดหมายกันไว้ ก่อนหนุ่มๆ จะทักทายว่า “สวัสดีครับ We are N.Flying” แล้วจึงเริ่มแนะนำตัวเป็นภาษาไทยทีละคน เริ่มจาก “ผมชื่อชาฮุน ครับ”, “ผมชื่อ ฮเวซึง ครับ”, “สวัสดีครับ ผมชื่อ ซึงฮยอบ ครับ”, “ผมชื่อ แจฮยอน ตีกลองใน N.Flying ครับ” และ “ผมชื่อ ดงซอง ครับ”

พอถามหนุ่มๆ ว่าเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองไทยกันเลยเหนื่อยกันมั้ย.. แต่หนุ่มๆ บอกว่าไม่เหนื่อยครับ คุณยู ก็พาเข้าคำถามแรกทันที “ได้กลับมาจัดคอนเสิร์ตที่เมืองไทยครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่ละคนรู้สึกอย่างไรกันบ้าง?” ซึงฮยอบตอบว่า “3 ปีที่แล้ว พวกผมได้เจอการต้อนรับที่อบอุ่นมากๆ ตั้งแต่ที่สนามบินจากเหล่า เอ็นเฟียไทย พอหลังจาก 3 ปีผ่านไป พวกเรากลับมาอีกรอบก็ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นเดิม ซึ่งรู้สึกมีความสุขมากๆ แล้วก็สิ่งที่ดีใจกว่านั้นก็คืออากาศอุ่นดีครับ เพราะตอนนี้ที่เกาหลีอากาศหนาวอยู่น่ะครับ” ตามติดด้วยคำถามที่สอง “มาเมืองไทยคราวที่แล้ว N.Flying มี Vlog ด้วย ไปทำกิจกรรมพักผ่อนมากมายในเมืองไทย เลยอยากจะถามว่ามีกิจกรรมอะไรที่อยากทำ อยากกิน หรืออยากเที่ยวที่ไหนบ้าง?” ซึงฮยอบบอกว่า “เพราะแฟนๆ เรียกร้องให้ถ่าย Vlog อีก ครั้งนี้ก็เลยจะถ่ายกันครับ จริงๆ แล้วเรื่องของการถ่ายการกินการเที่ยวอะไรพวกนี้มันก็สนุกดีนะครับ แต่ในช่วง 3 ปีที่ไม่ได้มาพบกับ เอ็นเฟียไทย พวกเรามีเพลงใหม่ๆ ออกมาค่อนข้างเยอะ และอยากร้องเพลงเหล่านั้นให้ เอ็นเฟียไทย ได้ฟังจริงๆ ครั้งนี้เลยอยากจะเน้นถ่ายช่วงระหว่างซ้อมเพลงที่อยากร้องให้ฟังเพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นเบื้องหลังและได้ฟังเพลงที่เราอยากจะร้องด้วยครับ” คำถามต่อไป “สปอยล์ถึงความพิเศษของงานครั้งนี้ดีกว่าว่าเตรียมอะไรมาให้กับ เอ็นเฟียไทยกันบ้าง?” แจฮยอนขอตอบบ้าง “จริงๆ ไม่ต้องพูดก็ได้แต่อยากให้มาดูกันมากกว่าว่าพวกเราเตรียมอะไรพิเศษไว้บ้าง เพราะว่าพวกเรากลับมาในรอบ 3 ปี สิ่งที่ เอ็นเฟียไทยคาดหวังและรอคอยนั้น รับรองว่าจะได้รับและได้ชมอย่างเต็มอิ่มแน่ๆ ในวันพรุ่งนี้ครับ”

เข้าสู่คำถามที่สี่ “ทันทีที่ขายบัตรคอนเสิร์ต บัตรโซนด้านหน้าและโซนทางเดินขายหมดเร็วที่สุด จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า เอ็นฟลายอิ้ง ขึ้นชื่อเรื่องการเซอร์วิสแฟน รู้สึกยังไงบ้างที่ เอ็นเฟียไทยรู้สึกแบบนี้?” ฮเวซึงเล่าว่า “ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาก็มีเพลงใหม่ในอัลบั้มใหม่ๆ ออกมาเยอะ ซึ่งก็จะมีโอกาสร้องให้ เอ็นเฟีย ไทย ได้ฟังกันสดๆ ในวันพรุ่งนี้เลยครับ” น้องเล็กดงซองกล่าวเสริมว่า “จริงๆ สิ่งที่เตรียมมาในวันพรุ่งนี้เราได้คัดเพลงที่อยากจะร้องให้ทุกๆ คนได้ฟังมาแบบพิเศษเลย แต่ก็ยังมีเพลงที่ไม่ได้ถูกเลือกด้วยข้อจำกัดของเวลาในการแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งเพลงเหล่านั้นเราจะขอแปะไว้ก่อน แล้วจะกลับมาเมืองไทยบ่อยๆ เพื่อร้องเพลงที่ยังไม่ได้ร้องให้ เอ็นเฟียไทยได้ฟังกันมากขึ้นครับ” จากนั้น ซึงฮยอบ ช่วยตอบปิดท้ายคำถามนี้ว่า “คอนเสิร์ตเมื่อ 3 ปีที่แล้วยังอยู่ในความทรงจำไม่ลืมเลยครับ จำได้ด้วยว่าเพลงนั้นคือเพลงอะไร ตอนนั้น เอ็นเฟียไทยมีความสุขมากๆ เอ็นฟลายอิ้ง ก็มีความสุขมากถึงขนาดต้องกระโดดลงไปเพื่อมอบความสุขให้แฟนๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ออกมาจากข้างในของพวกเรา แต่ครั้งนี้ผมก็คิดเยอะอยู่เหมือนกันว่าจะอยากจะลงไปสนุกกับแฟนๆ แบบนั้นอีก แต่ก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยที่ต้องมาก่อน แต่ผมก็ยังรับปากไม่ได้ว่าจะห้ามใจไม่ให้ลงไปได้มั้ยนะครับ”

คำถามต่อมา “นอกจากคอนเสิร์ตแล้ว ครั้งนี้ เอ็นฟลายอิ้ง ยังมีกิจกรรม “เดียร์เลส แฟน ไซน์ อีเว้นท์ อิน แบงคอก” (Dearest FAN SIGN EVENT IN BANGKOK) ด้วย ถือเป็นครั้งแรกที่ เอ็นเฟีย ไทย ได้ใกล้ชิดกับพวกคุณในกิจกรรมแฟนไซน์เลย ช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยว่า เอ็นเฟียไทยควรเตรียมตัวยังไงและทำยังไงเพื่อลดความตื่นเต้น” ซึงฮยอบตอบว่า “เมมเบอร์ก็จะพยายามควบคุมให้แฟนๆ ไม่ตื่นเต้นมากให้ได้ แต่ว่าจริงๆ แล้วพวกเราเองก็ตื่นเต้นนะครับกับการมีงานแฟนไซน์แบบนี้ ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง การที่เราต่างก็พูดคุยด้วยความตื่นเต้นก็เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่งนะครับ แค่เราอินกับมันก็โอเคแล้วละครับ” เข้าคำถามต่อไปกันเลย “พูดถึงผลงานมินิอัลบั้ม Dearest กันบ้าง ว่าอัลบั้มนี้มีความน่าสนใจยังไง?” ชาฮุนขอตอบบ้าง “อัลบั้มที่ชื่อ Dearest มาจากคำว่า ‘Dear’ ที่ใช้เขียนหัวจดหมายเป็นการแสดงความรักความเคารพ แต่ว่าพอเราเติมคำว่า ‘est’ ที่แปลว่า ‘ที่สุด’ เข้าไป เลยอยากจะมอบเพลงนี้ให้กับพวกเค้าเหล่านั้น นั่นคือความหมายของชื่ออัลบั้มครับ ซึ่งพอเป็นเพลงที่มอบให้กับคนที่เรารักที่สุด เพราะฉะนั้นเราก็จะใส่ใจ โฟกัสไปที่คุณภาพของเพลง ดนตรี ให้อยู่ในระดับที่เราคิดว่ามันสมควรจะมอบให้กับคนที่เรารักที่สุดได้มั้ย บอกได้เลยว่าอัลบั้มนี้ฟังเพลงไหนก็ตาม น่าฟัง ทุกเพลงครับ”

มาถึงคำถามที่เจ็ดกันแล้ว “เพลงไตเติ้ลของอัลบั้มนี้ชื่อเพลง ‘폭망’ ความจริงภาษาเกาหลีแปลว่า ‘เจ๊ง’ แต่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า (I Like You) เดี๋ยวต้องไปฟังในเพลงว่าความหมายมันเกี่ยวข้องกันยังไง เพื่อให้ต่อเนื่องกับความหมายของเพลงเลยขอถามว่าแต่ละคนชอบอะไรกันบ้าง?” ชาฮุนตอบว่า “ผมเลี้ยงแมวอยู่ เพราะฉะนั้นการได้ใช้เวลาอยู่กับแมวจึงเป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดครับ” คนถัดมา ฮเวซึง “I Like Thailand ครับ นี่เป็นการกลับมาของพวกเราในรอบ 3 ปีใช่มั้ยครับ ผมมีความคิดอยู่ตลอดว่าจะต้องเพอร์ฟอร์มเวทีและการร้องที่ดีมากขึ้นกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วให้ได้ แต่ที่บอกว่าชอบเมืองไทยนั่นเพราะว่าพอมาถึงเมืองไทยปุ๊บ อากาศร้อน เป็นอากาศที่โดยส่วนตัวชอบอยู่แล้ว และระดับของความชื้นในอากาศเหมาะกับการรักษาสุขภาพเสียงด้วยในฐานะนักร้องนะครับ พอมาเจอแบบนี้เนี่ย ผมรู้เลยว่าเวทีในวันพรุ่งนี้จะต้องทำออกมาได้ดีแน่ๆ ครับ” มาถึงลีดเดอร์ ซึงฮยอบกันบ้าง “ชอบเมืองไทยนะครับ แต่พอเป็น เอ็นเฟียไทยเนี่ย… จะตายให้ได้เลยครับ” คนก่อนหน้าตอบแบบนี้ แจฮยอน รู้สึกกดดันน่าดูแต่ก็ตอบว่า “การที่ได้มาเจอกับ เอ็นเฟีย ก็เพราะมีเมมเบอร์ของเราอยู่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือสมาชิกในวงของเราครับ” มาถึงน้องเล็ก ดงซอง กันบ้าง “สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือการนอนและเล่นเกม แต่มีสิ่งเดียวที่สามารถทำให้ผมหยุดนอนและเล่นเกมได้ก็คือ การมาเจอกับ เอ็นเฟีย (อ้อนแฟนๆ ขนาดนี้ จะให้ไม่รักยังไงไหว)

คำถามต่อไปกันเลย “นอกจากเพลงเพราะๆ ที่แฟนๆ ชื่นชอบแล้ว เอ็นฟลายอิ้ง ยังเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นดนตรีให้กับหลายๆ คนด้วย ช่วยแนะนำเคล็ดลับในการเล่นดนตรีให้ดีได้อย่างไรหน่อยได้มั้ย?” แจฮยอนอธิบายว่า “ผมคิดว่าการเล่นดนตรีมันไม่ได้มีสูตรตายตัว การที่เราเล่นเพลงๆ หนึ่งด้วยสไตล์การเล่นของตัวเอง ใส่ความเป็นตัวเองลงไปให้มากที่สุดเพื่อที่จะบรรเลงเพลงนั้นให้ดี นั่นแหละครับคือดนตรีที่ดีที่สุด” ดงซองขอเสริมบ้างว่า “ดนตรีมันไม่มีสูตรตายตัวก็จริงแต่มันมีการสัญญา เราต้องเล่นตามที่เราสัญญาไว้ แต่ให้อยู่ในขอบเขตนั้นด้วยรูปแบบของตัวเอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่เราเอนจอยกับดนตรีที่เราเล่นให้มากที่สุด แล้วดนตรีที่เราเล่นก็จะออกมาดี”

มาถึงคำถาม “เผลอแป๊บเดียว เอ็นฟลายอิ้ง ก็เดบิวต์มาเกือบ 10 ปีแล้ว คิดว่าตัวเองมีพัฒนาการด้านใดบ้าง หรือว่ามีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง แล้วความสัมพันธ์กับเมมเบอร์ยังแนบแน่น ดีขึ้น หรือเปลี่ยนไปในทิศทางไหน?” แจฮยอนบอกว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ในวง อันนี้ไม่ต้องสงสัยเลยครับ เพราะความรักใคร่ระหว่างเมมเบอร์นี่ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงพัฒนาการในด้านดนตรีของ เอ็นฟลายอิ้ง ถ้ามองย้อนกลับไปในระหว่างทาง 10 ปีนี้ ก็จะมี ฮเวซึง เข้ามาเป็นเมมเบอร์ใหม่ ระหว่างนั้นก็มี ดงซอง เข้ามา ซึ่งแต่ละครั้งที่มีเมมเบอร์ใหม่เข้ามาก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านที่ดีขึ้น มีพัฒนาการมากขึ้น ซึ่งพูดได้เลยว่าการเข้ามาของ 2 คนนี้ ทำให้เป็นการยกระดับคุณภาพของ เอ็นฟลายอิ้ง ไปอีกขั้นหนึ่ง” ฮเวซึง พูดเสริมว่า “พวกผมได้ไปออกรายการ The Idol Band ที่เกาหลี รับหน้าที่กรรมการ ซึ่งได้เจอนักดนตรี กับ โปรดิวเซอร์ ทำให้พวกผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก โชคดีที่ตอนที่พวกเราไปออกรายการนั้นเป็นช่วงที่กำลังเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตที่ไทยพอดี จึงทำให้เกิดแรงโมติเวชั่นเยอะมาก จนตาลุกเป็นไฟในการเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตนี้เลยครับ” คุณยู แอบชม ชาฮุน ที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่าหล่อขึ้นนะ แต่ชาฮุนตอบแบบถ่อมตัวมากๆ ว่า “ผมก็กำลังพยายามอยู่ครับ” มาถึงคำถามไฮไลต์ “อยากให้ทุกคนโชว์สกิลพูดภาษาไทยที่คิดว่าเด็ด แล้วให้พี่ๆ สื่อมวลชนโหวตว่าใครพูดได้เยี่ยมที่สุด” เริ่มจากน้องเล็กดงซองที่ออกตัวก่อนเลยว่าของผมเป็นแบบเบสิคๆ นะครับ แล้วพูดว่า “สวัสดีครับ” คนต่อมา แจฮยอน ขอโชว์ทีเด็ดสุดน่ารัก “รักนะ จุ๊บๆ” (พี่ๆ สื่อฯ ปรบมือกันใหญ่) มาถึงลีดเดอร์ซึงฮยอบที่ใจร่ำร้องคิดถึงอาหารไทยกันบ้าง เพราะมีสิ่งที่อยากจะทานทุกครั้งที่มาเมืองไทย นั่นก็คือ “ปูผัดผงกะหรี่” คุณยูเลยสอนให้แบบเต็มประโยคว่า “อยากกินปูผัดผงกะหรี่ครับ” ส่วน ฮเวซึง ถามเอาหน้างานเลยว่า “คิดถึงมาโดยตลอดครับ” พูดยังไง แต่ก็เรียนรู้ไว พูดได้ชัดมาก จนโดน ชาฮุน ที่นั่งนึกคำพูดอยู่ข้างๆ ลอกไปพูดต่อทันที แถมพูดชัดกว่าอีกด้วยว่า “ผมก็คิดถึงมาโดยตลอดครับ”

สุดท้ายนี้ให้หนุ่มๆ ชวนทุกคนมาดูคอนเสิร์ต “2022 เอ็นฟลายอิ้ง ไลฟ์ ‘อินทู เดอะ ไลท์’ อิน แบงคอก” และร่วมกิจกรรม “เดียร์เลส แฟน ไซน์ อีเว้นท์ อิน แบงคอก” แจฮยอนบอกว่า “เป้าหมายของคอนเสิร์ตในวันพรุ่งนี้ของพวกเราก็คือ การทำให้ เอ็นเฟีย ที่มาชมคอนเสิร์ตกับเวลาอีก 80 ปีที่ต้องมีชีวิตอยู่ในภายหน้า เมื่อพวกผมมาจัดคอนเสิร์ตในเมืองไทยอีก เอ็นเฟีย เหล่านั้นจะต้องกลับมาดูอีก นั่นคือเป้าหมายของพวกผมครับ เพราะฉะนั้นพวกเราใช้คำว่า ‘ลับมีด’ ในการเตรียมคอนเสิร์ตครั้งนี้เลยก็ว่าได้ครับ เมื่อมันพิเศษขนาดนี้ สิ่งที่พวกคุณต้องทำก็คือมาเอ็นจอยกับคอนเสิร์ต เอ็นฟลายอิ้ง ครับ ขอบคุณครับ” แจฮยอน ขอพูดบ้าง “ผมคิดคำนี้มาตั้งแต่เริ่มสัมภาษณ์เลยครับ ก่อนอื่นผมอยากจะขอโทษแฟนๆ นะครับ ซึ่งเป็นการกล่าวคำขอโทษล่วงหน้า เนื่องจากว่าแฟนๆ ก็คงจะหงุดหงิดกับอากาศที่ร้อนอยู่แล้ว แต่ถ้ามาคอนเสิร์ตของพวกเราในวันพรุ่งนี้ อุณหภูมิความร้อนแรงในการเล่นคอนเสิร์ตของพวกเรามันจะทำให้อากาศร้อนขึ้นไปอีกอย่างน้อย 2 องศา พวกเราจึงขออภัยแฟนๆ ไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ” (มามุกนี้ทั้งพิธีกรทั้งพี่ๆ สื่อฯ พากันหัวเราะชอบใจกันใหญ่)

#2022NFlyingLiveinBKK #NFlying #LeeSeungHyub #ChaHun #KimJaeHyun #YooHweSeung #SeoDongSung #AChiActivation #ChanActivation #FNCEntertainment

Facebook Comments
Share Button