Share Button

“ถ้าเรากล้าเล่าชีวิตของเราให้เขาฟังผ่านเพลง ผมเชื่อว่าคนฟังน่าจะชอบ” ทวน-ทวนทอง นิยมชาติ เจ้าของผลงานเพลงในนาม Tuan Thailand เปิดใจถึงเรื่องราวก่อนจะมาเป็นเพลง “พระจันทร์บนผืนน้ำ (Blue Moon)” ซิงเกิลล่าสุดที่เนื้อหาในเพลงนั้นกลั่นกรองจากประสบการณ์และความรู้สึกของเขาในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายเหตุการณ์ทำให้เขาเข้าใจสัจธรรมของชีวิตมากขึ้น

จากเรื่องเศร้าในชีวิตที่มาจากการสูญเสียคนรอบตัวที่เป็นที่รัก ทวนแปรสิ่งที่ได้เรียนรู้ในช่วงเวลาดังกล่าวออกมาเป็นเพลงที่บอกกับคนฟังว่า ต่อให้มีความรักมากแค่ไหน เราก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของอะไรได้เมื่อถึงเวลาที่ต้องจาก มีแค่ความรู้สึกกับความทรงจำเท่านั้นที่ยังอยู่กับเรา ก่อนจะออกมาเป็นเพลง “พระจันทร์บนผืนน้ำ” ทวนมีดนตรีที่ทำเป็นเดโมเก็บไว้นานหลายเดือน แต่เนื้อเพลงที่เขารู้สึกว่าใช่สำหรับดนตรีเพลงนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่เขาเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่อังกฤษเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คืนหนึ่งหลังจากเล่นคอนเสิร์ตเสร็จและเดินอยู่ใกล้กับแม่น้ำเทมส์ เขามองเห็นภาพสะท้อนของพระจันทร์สีเหลืองนวลอยู่บนผิวน้ำสีน้ำเงินเข้ม ในจังหวะที่กำลังจะหันไปชี้ชวนให้ทีมงานที่มาด้วยกันได้เห็นความสวยของพระจันทร์บนผืนน้ำ เรือที่ล่องอยู่ในแม่น้ำก็แล่นผ่านและทำให้พระจันทร์ดวงสวยแยกออกเป็นเสี่ยงๆ “พอคลื่นในน้ำเริ่มสงบ พระจันทร์ก็กลับมาสวยเหมือนเดิม เรารู้เลยว่าเพลงนี้ต้องชื่อ ‘พระจันทร์บนผืนน้ำ’ เพราะพระจันทร์ตรงหน้าต่อให้สวยแค่ไหน แต่เราก็เอื้อมมือไปเก็บความงามนี้ไว้ไม่ได้ “ถ้าเป็นเพลงรัก มันก็เหมือนเป็นความรู้สึกที่เราสัมผัสได้ เป็นความรักที่ยังคงอยู่ ถึงแม้คนที่เรารักจะจากไปด้วยเหตุอะไรก็ตาม” ทวนเล่าถึงภาพที่เขาเห็นในคืนนั้นซึ่งเป็นที่มาของชื่อเพลงและเนื้อเพลง ภาพของพระจันทร์ในคืนนั้้นยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของมิวสิกวิดีโอที่นำเอาฟุตเทจทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่ถ่ายไว้ระหว่างออกทัวร์คอนเสิร์ตตามเมืองต่างๆ ในอังกฤษ เรียงตามลำดับตั้งแต่เมืองแรกจนถึงเมืองสุดท้าย


ส่วนในแง่ของการทำดนตรีนั้น เพลงนี้เป็นเพลงที่ทวนมองว่า “จะเป็นตัวบอกว่าแฟนๆ ที่ฟังเพลงของเราเขารักเราจริงไหม หรือชอบแค่ความระห่ำของเรา” เพราะเมื่อเทียบกับผลงานก่อนๆ ของเขา ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิลที่แล้วหรืออัลบั้มก่อนหน้า เพลง “พระจันทร์บนผืนน้ำ” จัดเป็นเพลงที่มีส่วนผสมของความป็อปสูงกว่าทุกเพลงที่ผ่านมา ซึ่งทวนยกเครดิตเรื่องนี้ให้กับ วิชญ วัฒนศัพท์ หรือ โหน่ง วง The Photo Sticker Machine ที่เขาเคยร่วมงานด้วยตั้งแต่สมัยที่ทำวง Day Tripper
“เวลาทำเพลง ส่วนผสมดนตรีที่ผมต้องมี คือ อินดัสเทรียล, พังก์ร็อก และอัลเทอร์เนทีฟเมทัล ซึ่งเพลงนี้มีความอินดัสเทรียลในระดับที่เราไม่เคยแตะถึง มันเป็นซาวนด์แบบที่เราเคยได้แต่คิด แต่ยังทำออกมาเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นการได้ร่วมงานกับพี่โหน่ง The Photo Sticker Machine เลยถือเป็นไฮไลต์มาก พอส่งเพลฟงไป พี่โหน่งก็เรียบเรียงกลับมาให้ในแบบที่ยังมีความเป็น Tuan Thailand แต่ก็มีความร่วมสมัย มีบีต มีซาวนด์ที่เราเคยฝันถึงอยู่ในเพลง” ทวนเล่าถึงการร่วมงานที่ทำให้เพลงออกมาลงตัวอย่างที่เขาต้องการและทำให้รู้สึกว่านี่คือหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา การปรับเปลี่ยนสัดส่วนของส่วนผสมทางดนตรีให้คลี่คลายไปในทางที่จับต้องได้มากขึ้น โดยยังไม่ทิ้งแก่นความเป็นร็อก คือลักษณะเด่นของซิงเกิลเพลงนี้ ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนที่มาจากความเข้าใจแฟนเพลงมากขึ้น ทวนอธิบายเรื่องนี้ว่า “การทำเพลงให้จับต้องได้กว่าแต่ก่อนมันมาจากการที่เรามองเห็นความรักที่แฟนเพลงให้มา เขาชอบเพลงแบบไหนที่เราชอบ เขารักมุมที่ดีมุมไหนของเรา เราก็นำเสนอมุมดีมุมนั้นให้เขาได้สุขใจ “ทิศทางการทำเพลงของซิงเกิลนี้จึงเหมือนกับคนรักกันที่ปรับตัวเพื่อให้รักกันได้มากขึ้นจากมุมที่เติมเต็มกันและกัน” และติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ที่ : www.facebook.com/SanamluangMusicOfficial/ , www.facebook.com/tuanthailand/

Facebook Comments
Share Button