จิกกะบาล ตอนที่ 16 บุรินทร์ Groove Riders
บทสัมภาษณ์ บุรินทร์ Groove Riders
สวัสดีครับ วันนี้เราตั้งใจจะมาขอ สปอนเซอร์กันที่ โตโยต้า มหานคร แต่เราได้มาพบกับศิลปินท่านหนึ่ง เค้าเป็นผู้บริหาร เราไปพบกับเค้าเลยดีกว่า พี่ บุรินทร์ แห่งวง Groove Riders
สวัสดีครับ
อ๊อฟ : รู้ได้ไงว่าพี่เค้าเป็นผู้บริหาร เซลล์ก็แต่งตัวแบบนี้
พี่ บุรินทร์ : คล้ายๆกัน เรารักองค์กรเรา เป็นกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มหานคร ครับ เราเป็นตัวแทนจำหน่าย รถยนต์ โตโยต้า
พี : ใครที่ไม่รู้ พี่ บุรินทร์ เค้า นามสกุล โตโยตะ
อ๊อฟ : วันก่อนยังบอกว่า นามสกุล ฮอนดะ
พี่ บุรินทร์ : website นี้มัน เด็กเตรียมฮะ เด็กเตรียม
อ๊อฟ : มีชื่อเล่นไหม
พี่ บุรินทร์ : ไม่มีชื่อเล่น เกิดมาในชีวิต มีคนถามปัญหานี้เยอะมาก เพราะว่าพ่อแม่ ลืมตั้งให้ พี่ชายมีชื่อเล่น เพื่อนๆเรียก ไอ้บุ หรือ ริน เรียกประมาณเนี่ย พี่ชายผมเค้าก็เรียกชื่อ บดินทร์ บ้านผมจะเรียกแต่ชื่อจริง แต่พอโตขึ้รมาพี่ชายก็มีชื่อเล่นของเค้าไปแต่ผมไม่มี แต่จริงๆแล้วเกิดมามีชื่อนึง ชื่อ แชมป์ ไม่ใช่ชื่อเล่นหรอก เกิดมาแล้วพ่อแม่ตั้งชื่อไม่ทัน อาจจะเป็นเพราะลูกคนที่ 2 พ่อแม่ไม่ค่อยเห่อ
อ๊อฟ : Groove Riders เป็นวงลูกคนเล็กรึเปล่า
พี่ บุรินทร์ : ไม่แน่ใจนะ แต่มือเบสไม่ใช่แน่นอน เพราะมือเบสเป็นฝาแฝด
อ๊อฟ : Groove Riders อยู่ค่ายอะไร
พี่ บุรินทร์ : เมื่อก่อนเคยอยู่ เบเกอรี่ เราออกชุดแรกกับเบเกอรี่ แล้วชุด 2 อัลบั้ม หนึ่งครึ่ง ก็อยู่ เบเกอรี่ จริงๆใจเราอยากจะทำ EP ออกมา 4 เพลง แต่ทางค่ายเค้าอยากจะทำเป็นชุดพิเศษออกมาแบบนี้ดีกว่า ก็เลยเราก้เรียกว่าอัลบั้มนั้นเป้นอัลบั้มครึ่ง ชุดแรกออกมาเนี่ยมันอยู่ใน timeline ที่สั้นมากๆ ประมาณปีนึง พอผ่านมาก็เป็น discovery 2 คนที่มีอัลบั้มแรกก็ดีใจมาก ปีที่ 6-7 แล้ว ปลายๆปี 2000 ได้
อ๊อฟ : แต่ยังมีโชว์เหมือนอัลบั้มเพิ่งออก
พี่ บุรินทร์ : ทุกคนก็พูดแบบนี้ ก็มีอยู่เรื่อยๆ อาจจะเป็นโชคดีของวงเราด้วย ที่เป็นวงที่เล่นแนวไม่เหมือนใคร เป็นวงเดียวที่เล่นอยู่ในประเทศเราเลย คนที่เค้าอยากจะเอาstyle นี้ก็มีอยู่วงเดียว อาจจะเป็นอย่างนั้นรึเปล่า
อ๊อฟ : เบื่อไหม ร้องเพลงเดิม
พี่ บุรินทร์ : ไม่เบื่อ แต่มันก้เริ่มเห็นภาพ ว่าทุกครั้งก่อนจะขึ้นคอนเสิร์ต เราเรียงเพลงยังไง ผลตอบรับจะเป็นยังไง มันก้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จริงๆแล้วก็มีเพลงพิเศษ เราก็ไม่ได้มีผลงานออกมาเลย จริงๆ ตัวผมก็ไปช่วยงานใครหลายๆคน มือเบสเราก็ออกไปทำอัลบั้มเดี่ยว เพิ่งได้รางวัลมา มือกีตาร์ก็ออกไปทำอัลบั้ม กั้งสโนว่า มันก็เลยต่อกระแสของวงไปเรื่อยๆ มือกลองก็เป็นมือปืนรับจ้าง ทั้งมือกลอง มือ กีตาร์ มือเบส เป็น producer หมดเลย ผมก็มีงานประจำ ซึ่งจะมานั่งหาเวลาทำเหมือนชุดแรก มันใช้เวลาเป็นปีครับ มันหาเวลามาเจอกันยาก
พี : ทุกคนประสบการณ์ดนตรี สูง แล้วพี่มาจากไหน
พี่ บุรินทร์ : ผมเป็นคนชอบฟังเพลงธรรมดาที่โชคดีมากกว่า ตอนสมัยผมไปเรียนที่อเมริกา ที่เมืองจะมีมหาลัยที่เกี่ยวกับด้านดนตรี ชื่อ Berklee Music of collage ซึ่งสอนเกี่ยวกับดนตรีทั้งหมด ทุกอย่าง แล้วในเมืองก็จะมีคนไทยไม่เยอะ แล้วตึกผมก็จะมีคนไทยอยู่ 10 กว่าห้อง เป็นอพาร์ตเม้น
พี : อย่างนี้ต้องเจอพี่ตุลย์
พี่ บุรินทร์ : เจอกันบ่อยครับ เค้า อยุ่ New York ผมอยู่เมืองเล็ก Boston ถ้าพูดอย่างนี้ คุณ บอล มือกีตาร์ อพารต์เม้นคุณป้า ก็อยู่ในตึกเดียวกัน ก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เรา 2 วง สนิทกัน จริงๆแล้วเนี่ยโรงเรียนเนี่ย ก็จะมี คุณ บอล อพารต์เม้นคุณป้า คุณ ก้อ ณฐพล ศรีจอมขวัญ จะมี Blessonic ก้จะมีแต่ผมกับพี่ชายที่เรียนทางด้านธุรกิจมา แต่ผมเป็นคนที่ถูกปลุกฟังเรื่องดนตรีตั้งแต่เด็กเล็กๆมา ผมเป็นคนชอบฟังดนตรี เงินที่ได้ทั้งหมดก็ซื้อเทป ซื้อซีดีอย่างเดียว อย่างอื่นไม่ค่อยสนใจ พอไปเรียน เสาร์ อาทิตย์ คนไทยจะมาเจอกัน ทำกับข้าว เนื้อย่าง จิ้มแจ่ว กินกัน พอเสร็จก็จะมีการล้อมวงเล่นดนตรีกัน ทุกคนเป็นนักดนตรีหมดไม่มีนักร้อง ก็เลย บุรินทร์ว่างอยู่มาร้องดิ มาแจมๆกัน ก็นั่งร้องไปร้องมา ร้องทำงานให้กับเพื่อนๆที่เรียนอยู่ ต้องส่งงานเป็น project มีผมร้องบ้าง พี่ชายผมร้องบ้าง แล้วเราก็เลย ตั้งวงขึ้นมาวงนึง เป้นส่วนผสมของ Groove Rider อพารต์เม้นคุณป้า แล้วก็ Blessonic เราก็ไปเล่นตามบาร์ เป็นแจสบาร์ ที่เราเล่นด้วยกันเนี่ยเป็นแจสหมดเลย เพราะมหาลัยเนี่ยเป็นเน้นเพลง แจส มีคุณก้อ เรียนเรื่อง ฟังค์ เราได้ไปเล่นขายดชว์ตามบาร์ ได้เงินออกมาก็มีความสุขกัน เป็นจุดกำเนิดที่ผมได้ไปร้องกับวง คุณ ก้อจบมาก่อน เพราะผมเรียน ปริญญาโท จบมาก่อน 2 ปี กลับมาทำงานกับ Modern dog กับ P.O.P. เค้าก็มีโปรเจคคิดขึ้นมาว่าอยากจะทำแนว groove แนว disco แล้วก็ Funk แล้วสุดท้ายหานักร้องไม่ได้ ก็เลยมาถามเพื่อนผมที่เป็น Blessonic ก็บอกว่า บุรินทร์ก็ชอบเพลงแนวนี้เหมือนกัน ร้องไปถามดูสิ ก้ลองไปซ้อมดู ซ้อมไปเกือบปี ก้ออกมาเป็น Groove riders ผมไม่เคยคิดที่จะขวนขวายที่จะเข้าไปในธุรกิจดนตรีเลย เหมือนโชคชะตามากกว่า เป้นคนชอบฟังมากกว่า ไม่เคยคิดว่าจะมาออกเทปสักชุด เคยคิดตามภาษาวัยรุ่นว่าถ้าได้ออกเทปก็ดีนะ พอได้มาทำก็กลายเป็นจุด เติมเต็มความฝัน พอมาทำก็อยากทำให้มันดีที่สุด เพราะคิดว่าเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิต
อ๊อฟ : เล่นดนตรีไหม
พี่ บุรินทร์ : เคยเล่นกีตาร์ เล่นเปียโน ตอนเด็กๆ ก็งูๆปลาๆ
พี : เรื่องร้องเพลงละ เคยเรียนไหม
พี่ บุรินทร์ :ไม่เคยเรียน ทุกอย่างออกมาจาก feel อย่างเดียว แต่จริงๆ เมื่อ 3 ปีที่แล้วผมได้ไปฝึกวิชามา เพราะตอนนั้นมีโชว์เยอะมาก ปีนึง 3-4 ร้อยงาน ซึ่งมันก็ทำให้คอมันจะเสียมากๆ ก็เลยไปหาครู โรจน์ เป็นคนที่เก่งมากๆ จะไม่ยุ่งกับแนวทางการร้องเรา แต่จะมีแบบฝึกหัดให้ว่าร้องยังไงให้เสียงไม่เสีย
พี : อีกเรื่องที่เด่นคือเรื่องเต้น ได้เรียนไหม
พี่ บุรินทร์ : มันไม่มีใครเต้นแบบนี้ ไม่รู้จะไปเรียนจากใคร มันเป้นความสนุกที่เราคิดออกมาเองมากกว่า มันมาจาก soul มากกว่า ก็มีคนพูดถึงกันเยอะ ผมไม่แคร์ผมสนุกกับตัวผม ซึ่งแฟนเพลงเค้าก็สนุกกับเรา แฟนเพลงผมเป็น sales อยู่เยอะเลย พนักงานของเราบางส่วนที่มาสมัครงานเพราะ ชอบ Groove Riders นี่คือเรื่องจริง ตอนแรกเราก็ฟังดูตลก ขนาดนั้นเลยเหรอ ก็เจอกันบ้าง มีน้องๆมาซื้อรถ ถามว่าพี่บุรินทร์อยู่ไหม ถ้าบอกว่าไม่อยู่ก้ไม่ซื้อละ ไม่เป็นไรไม่ซื้อไม่หาไม่วง่ากัน เข้ามาเจอกันได้ ก็ขอบคุณน้องๆทุกคนที่มาสมัครงานเพราะคิดแบบนี้ จริงๆก็จะเจอเฉพาะสาขานี้เท่านั้น เรามี 12 โชว์รูม เพราะผมนั่งอยุ่ที่สำนักงานใหญ่ ก้มีไปที่อื่นบ้าง แวะแอบไปตรวจเค้า มาอีกแล้วรีบเก็บของ internet ปิดกันใหญ่เลย
อ๊อฟ : คำว่า Groove Riders มาจากไหน
พี่ บุรินทร์ : จริงๆมาจาก ไอเดีย ของ เรา 4 คน เลย ฮะ มาจาก 5 คน มาจากพี่ชายผมด้วย ผมกับพี่ชายเราสนิทกันมาก
อ๊อฟ : ทำไมถึงเลือกพี่บุรินทร์
พี่ บุรินทร์ : ใช่ จริงๆผมก้ยังงงเหมือนกัน เพราะพี่ชายผมร้องเพลงเก่งมาก ร้องเพลงภาษาอังกฤษเนี่ย เพราะมากเพราะเสียงเค้าจะทุ้มออกมา แต่แนวทางเค้าจะชอบเพลง เอวิส เพลง ร็อค วงที่ร้องตามบาร์ พี่ชายผมจะเป็นตัวหลัก ผมเป็นตัวแถม ร้องน้อยๆ สมัยก่อนเป็นคนขี้อายมาก สมัยก่อนขึ้นไปร้องบนเวทีเนี่ยตื่นเต้นมาก มือเย็นเฉียบ เหงื่อออก แต่ถ้าทำแล้วต้องทำให้ดี ตอนแรกโชว์งาน fat ครั้งแรก เขินมาก แบบนอนไม่หลับทั้งคืน แล้วก็เสียงพังมาก เล่น 4-5 เพลง ปกติตอนนั้นไม่ได้ออกกำลังกายเลย ไม่ได้เตรียมตัวมาเป็นนักร้องเลย ร้องเสร็จ หมดแรง ให้คนช่วยหามกลับบ้าน ลืมเนื้อก้ร้องภาษาบ้าไป ภาษาที่คิดเอาเอง
พี : Groove Riders มาจากไหน
พี่ บุรินทร์ : มาจากคน 5 คน แล้วก้นั่งคิดว่า ดนตรีของเราเนี่ยแนวไหน คิดว่าคนที่ฟังต้อง enjoy groove ไปกับเพลง แล้วพยางค์ที่ต่อมา ก็คือ คนที่ล่องอยู่ในความ groove ของดนตรี ก็เลยเป็น Groove Riders พออีกแปีบนึง Sport Rider ออกเลย แผงการขายตลอดเวลานะ ด้วยรากฐานที่เรามาจาก groove ที่เป็นดิสโก้ คิดชื่อลายชื่อนะ ตอนแรกชื่อวงจะชื่อ อะพอลโล่ กับ สปุคนิค เกี่ยวกับอวกาศ แต่ถ้าชุดต่อไปไม่ได้ทำเกี่ยวกับอวกาศจะเหนื่อยมาก เราก็เลยเอาชื่อ discovery ที่เป็นชื่อยานอวกาศ ที่ส่งขึ้นไป มันเป็นความหมายซ้อนเร้นอยู่ตลอดเวลา style วงเรา หลอกลวง ไม่ใช่นะ ตอนแรกมาจาก discovery แล้วอ่านไปอ่านมา disco very พออีกแป๊บนึง วงเมืองนอกก็เรียนแบบชื่อชุดเราเลย แต่อย่าไปบอกชื่อวงเลย
อ๊อฟ : ที่บ้านสนับสนุนไหม
พี่ บุรินทร์ : คือใจเรา เราคิดเอาไว้ตั้งแต่เด็กว่าต้องมาสานต่อ ธุรกิจของครอบครัว ดนตรีเป้นสิ่งที่เราชอบ แต่นี่คือ หน้าที่ของเรา
พี : ถามเรื่องครอบครัว นิดนึง
พี่ บุรินทร์ : Happy มาก Happy กว่าตอนเป็นโสดอีก ดูจากหุ่นได้ เปลี่ยนแปลงไปตามความสุข ยิ่งมีความสุข ยิ่งบวมขึ้น
พี : มีลูกรึยัง
พี่ บุรินทร์ : ยัง ถ้ามีได้ก็อยากมี ก็พยายาม ก็อยากให้ทุกคนในครอบครัวพร้อมก่อน คุณตาคุณยาย คุณ ปู่คุณย่า ด้วย ว่าอยากเลี้ยงรึยัง
อ๊อฟ : นึกถึงชื่อพี่ นึกถึง บูริน หมูบินได้
พี่ บุรินทร์ : หลายๆคนบอก จริงๆแล้วผมชื่อ บุรินทร์ ออกมากุ้งเลยครับตอนแรก เค้าเรียกเป็นคำสมาท ภาษไทยวันละคำ คำสมาท แปลว่าอะไรก็ไม่รุ้เหมือนกัน เป็นการเอาคำมาผสมกัน 2 คำ มาจากคำว่า บุรี กับ คำว่า อินทร์ แปลว่า เป้นเมืองของเจ้าเมือง เมืองของพระอินทร์ เมืองของแสงสว่าง จริงๆแล้วพี่ชาย ชื่อ บดินทร์ ก็มาจาก บดี และ อินทร์
พี : มีส่วนร่วมอะไรบ้าง ในการทำเพลง
พี่ บุรินทร์ : จริงๆก็ทั้งวงมีส่วนร่วมกันหมด ระหว่าที่เราทำเพลง เราก็มานั่งคุยกันตลอด ผมก็จะดูว่า เนื้อร้อง ยังไงให้ตรงกับตัวเรา จริงๆแล้วจะมีคนระดับปรมจารย์มาแต่งให้ เราก้นั่งคุยกันว่าเราอยากบอกเรื่องอะไร แล้วมันถูกต้องกับตัวเราไหม เราร้องแล้วเราเขินไหม อย่างมีอันนึง ตลกมาก ไม่เคยบอกที่ไหนเลย ที่นี่ที่แรก อย่างเพลง ฮอร์โมน คิดถึงหน้า พ่อแม่ เอาไว้ ตอนแรกถึงขั้น นึกถึงหน้า ปู่ ย่า เธอเอาไว้ ตอนแรกพวกเราฟังเอง โดนพวกเราหมดเลย นั่งฟังแล้วรู้สึกน้ำตาจะคลอไปด้วย ก้เลยขอคุยกับพี่บอย ขอ level down ลงมาหน่อย แค่พ่อแม่ ก็รู้สึกสะเทือนใจแล้ว คนเขียนเค้าเขียนออกมาก็ creative อ่ะนะ แต่ว่าบางที่เราเจอแล้วเราเขิน ไม่กล้าร้อง ก้เลยนั่งปรับกัน ก้ขอบคุณพี่ๆที่เชียนเพลงให้ทุกคน ชุดใหม่ของเราก็ทีมเดิม
อ๊อฟ : ชุดใหม่จะชื่อ discovery 3 ไหม
พี่ บุรินทร์ : ไม่ creative เรามีใหม่ละ ชุดนั้นเป็นชุดต่อเนื่องเลยก็เลย ชื่อ 2 แต่ก็ยังเปิดเผยไม่ได้ ก่อนเราเริ่มทำดนตรีเราจะคุยถึง concept ด้วย อย่างชุดแรกไปทางอวกาศ ชุดที่ 2 เนี่ย ที่ทำกันอยู่ น่าจะมีกิมมิคอะไรแปลกๆซ้อนเร้นอยู่ตลอดเวลาอย่างชุดที่แล้วเราก้มีพระผยอม ซึ่งเราไม่ได้มาทำเพื่อความตลก แต่เพลงเมาไม่ขับเนี่ย inspired มาจากพระผยอม เราฟังสิ่งที่ท่านเทศน์สอนคน ประชาชน โยมทั้งหลายเนี่ยว่า อยากเป้น แมนโง่ หรือ แมรฉลาด ถ้าเป้นแมนโง่ก ็กินเหล้า ถ้าเป็นแมนฉลาดก็กินน้ำลูกยอ ของวัดสระแก้ว นี่คือสิ่งที่เราฟังจาก วีดี พระผยอม แล้วเราตีออกมาเป็นเพลง แล้วเราก็มาคิดว่า จะให้ใครมาพูดที่จะทำให้คนเชื่อได้บ้าง ถ้าเราพูดเองคนคงไม่เชื่อ เราก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกันทุกคน ต้องให้พระบอก ผมก็ไปหาท่านที่วัดแล้วบอกท่านว่า ขอให้ท่านพูดในเพลงเป็นการเทศน์ในเพลง แล้วเราจะเอามาใส่ ไม่มีสคริปอะไรให้เลย ท่านเป็นพระทันสมัย ท่านจะทำซีดีแจกโยมตลอด ที่วัดจะมีเครื่องอัดมีมิกเซอร์เสร็จ ท่านก็อัดมาหลาแทรก เราก็มาเลือกเอา ชุด 2 เราก้นึกแขกรับเชิญไว้หลายท่านเลย แแต่ยังก็สรุปไม่ได้ว่าใครจะสื่อสารกับเราได้มากที่สุด เรายังไม่อยากบอกดีกว่า เพราะมันก็ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะออกเป็นแนวไหน จริงๆแล้วอัลบั้มเนี่ยเริ่มงานมา 3 ปีแล้ว ยังไม่เสร็จด้วย เพิ่งได้มา60-70% เอง น่าจะภายปีนี้ ตั้งใจจะให้จบใน เดือน 7-8 นี้ อาจจะเป็นชุดสุดท้ายของ Groove rides ด้วย ตอนแรกเราตั้งใจจะทำกันชุดเดียว แต่พอทำออกมาแล้วผลตอบรับมันเกินที่เราคาดไว้เยอะเลย จริงๆแล้วมันก้วนจนเค้าร้องกันได้ทุกเพลง ก้น่าจะทำอะไรออกมาให้น้องๆฟังกัน ด้วยหนึ่งใจเรามีความรักทางด้านนี้ ประสบการณ์ที่เราเจอมาด้วยกันทั้งวง วงเราเป็นวงที่ใหญ่มาก 12 คน เมื่อก่อนมี percussion ตอนนี้ก็ไปตีให้ crescendo เป็นสมาชิก crescendo ไปแล้ว ก็สิ่งที่เราได้กลับมา ก้ทำให้เรามีกำลังใจจะทำให้อีกสักที แล้วก้คงเป็นหมัดเด็ด ชุดสุดท้ายของเราแล้ว แต่ว่าก็ไม่ได้หายไปไหน ต่างคนก็ต่างมีงาน 10 ปีครั้ง Groove riders ชุดใหม่ตั้งใจทำกันมาก production เราก้ใหญ่มาก เพราะไม่ใช่เรื่อง ธรุกิจแล้ วเรื่องความสุขอย่างเดียวเลย เราสามารถทำอะไรได้เราก็อยากจะทำให้เต็มที่ คือเราก็พยามหานักดนตรีที่ดีที่สุด คนมิกเสียงของเราก็เราโชคดีมากๆที่ได้ sound engineer ของ Al green มาช่วยทำให้เค้าเป้นเจ้าพ่อเพลง soul ที่ตอนนี้เป้นพระไปแล้ว เค้าเป้นนัเทศน์ในโบสถ์ แล้วก็คนนี้เคยทำให้ มาดอนน่า เคยทำให้ใครหลายๆคน ซึ่งระดับ world Class ท้งนั้นเลย โชคดีมาก ทุกอย่างการทำดนตรีเนี่ยถือเป็นโชคจริงๆ เค้ารุ้จักกับก้อ ณฐพล ก้เลยนั่งคุยกัน เค้าก้ยินดีที่จะทำให้ เค้าก็อยากจะขยายเครือข่าย ฝีมือเค้ามาอยู่ในประเทศเราบ้าง ราคาจะแพงแต่เราก็ยินดี ประมาณเดือน 7-8 เราก้จะบินไป รอให้อัดร้องอัดอะไรเสร็จ
พี : ชุดใหม่จะมี คาราโอเกะไหม
พี่ บุรินทร์ : ชุดที่แล้วไม่มี ต้องไปถามทางค่ายดู ชุดใหม่เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรารุ้จักวิธีทำงานในธุรกิจนี้มากขึ้น ผมคิดว่าเราอยากจะทำอะไรให้แฟนเพลงรู้สึกว่าได้งานของเราแล้วรุ้สึกว่ามีความสุข ค่ายเรา เบเกอรี่เมื่อก่อนเนี่ยจะหาคาราโอเกะร้องยากมาก จะมีแต่ค่ายที่เป็น main stream ทั้งนั้นเลย ชุดใหม่เนี่ยน่าจะ ประมาณ 80%
อ๊อฟ : ชุดใหม่ค่ายอะไร
พี่ บุรินทร์ : ยังไม่ทราบ ทำเองทุกอย่าง งานมันออกมาจากใจ อยากให้งานมันออกมาดีที่สุด ชุดแรกเราก็ทำมาด้วยใจ เราไม่คอดว่ามันจะมาขายขนาดนี้
อ๊อฟ : รู้สึกยังไงกับเสียงตอบรับ
พี่ บุรินทร์ : มีความสุข เกินความฝันไปแล้ว รู้สึกว่าตอนแรกๆเหมือนร้องตามฝัน แต่ก็ไม่ได้ทิ้งกันไปไหน อาจจะไม่ได้อยุ่ในนาม Groove Riders เพราะแต่ละคนมีงานทำกันเยอะ แต่ก้ไม่แน่ใจ ก็ไม่อยากจะฟันธงว่าไม่ได้ทำกันอีกแล้ว
พี : สอนร้องเพลงไหมครับ
พี่ บุรินทร์ : สอนไม่ได้หรอกครับ ไม่ใช่นักร้อง คิดว่าเป้นคนฟังเพลงแล้วโชคดีมาตลอด ผมไม่มี basic ในการร้องเพลง ไม่เคยเรียนมาก่อน มันมาจากสิ่งที่ผมอยากจะ present ออกมาเท่านั้นเอง มันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ แต่คงสอนไม่เป็น
อ๊อฟ : เมื่อไหร่จะมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง
พี่ บุรินทร์ : ใจจริงเมื่อปลายปีที่แล้วอยากจะมีคอนเสิร์ต 7 ปีมาเนี่ยเราเคยมีคอนเสิร์ตใหญ่ตอนเปิดตัวอัลบั้มครั้งเดียว ซึ่งคนดูก็แค่ พันกว่าคน ปีที่แล้วเราก้อยากจะทำกัน การเมืองเราก็ร้อนแรงนิดนึง เราก็คิดไปคิดมาเราก็พักไว้ก่อน แล้วเราก็ยังไม่มีงานใหม่อะไรออกมา เราก็คิดว่าทำชุด 2 ให้เสร็จก่อนดีกว่า น่าจะออกมาพร้อมๆกับอัลบั้ม คิดว่าแฟนเพลงเราก้ตั้งใจร้องกันหน่อย คิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก 14 เพลงก้ร้องกันได้หมดแล้ว น่าจะปลายปีนี้ คอนเสิร์ตใหญ่ ซึ่งเป็นความคิดจากพวกเรา 4 คนเลย คิดกันมาหลายปีแล้ว ว่าจะออกมาเป็นยังไง ผมคิดว่าถ้าไปดู คอรอสิร์ต Groove Riders คงไม่เหมือนคอนเสิร์ตอื่นคงเป็นคอนเสิร์ตที่แปลก มันคงเป็นทั้งานภาพ งานแสง งสนเสียง ทุกอย่าง น่าจะมีความสุขในอีกอัธรสนึง ก็ดูไว้หลายๆที่ เพราะใจจริงชอบที่ indoor มากกว่า คลาสิค แล้วก็เป็นที่แรกที่ผมไปดูคอนเสิร์ต ตอนเด็กๆผมไปดู คอนเสิร์ต KC and the sunshine band ซึ่งเป็น วงแนวเดียวทางเดียวกับ groove Riders เลย KC มันมาก ไปดูที่ indoor อายุ 7 ขวบ หายใจไม่ออกเลย เตี้ยมาก เพราะว่าผู้ใหญ่สูง ถ้ามีคอนเสิร์ตสักครั้งก้อยากจะทำที่ indoor แต่ scale ก็คงจะเล็กกว่า impact แต่ impact ก็คงจะสนุก
อ๊อฟ : ไปดูของที่ระลึกดีกว่า ว่าเค้าทำอะไรให้เราบ้าง
อ๊อฟ : เสื้อฝีมือพี่บุรินทร์
พี่ บุรินทร์ : อยากให้เป็นเหมือนเสื้อยืดที่เค้าขายทั่วไป มีลายแค่นี้ Groove Rider เคยทำเสื้อออกมา ลายคล้ายๆอย่างเนี่ย ออกแบบกันเองตลอด จริงๆแล้วงานของเรา เราออกแบบเองทุกอย่าง อยากให้มันถูกใจที่สุด
อ๊อฟ : อยากได้เสื้อตัวนี้ เขียน comment ไว้ใน website แล้วจะให้พี่เค้าเลือกว่าจะให้ใคร
พี่ บุรินทร์ : อยากให้ทุกคนเลยฮะ
พี : เรามีเสื้อให้พี บุรินทร์ด้วย
พี่ บุรินทร์ : สวยมากเลยครับ นี่เป้นตัวผมเลยรึเปล่า ตาได้ฮะ ตาได้
วันนี้ ลาไปก่อน สวัสดี