Share Button

บทสัมภาษณ์ Etc
สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกแล้วกับรายการ จิกกะบาล Talk Show สบายๆสไตล์ จิกกะบาล รายการบันเทิงแนวใหม่ ยุค Hi – Speed ศิลปินรับเชิญของเราวันนี้ มีอัลบั้มมาแล้ว 1 ชุด อัลบั้มชุดเนี่ย เค้าเปลี่ยนครับ เราไปพบกับเค้าเลยดีกว่า Etc.

สวัสดีครับ
อ๊อฟ : ขอบคุณที่ etc ให้เกียรติ กับ จิกกะบาล กับอัลบั้มนี้ มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย
พี : สมาชิกเปลี่ยนใหม่หมดเลย
อ๊อฟ : เค้าเปลี่ยนนักร้องคนเดียว มีคนมาทักว่า ฟัง etc. ชุดใหม่ยัง เค้าเปลี่ยนนักร้องนะ รู้สึกยังที่เค้าคิดว่าเปลี่ยนนักร้อง
พี่ หนึ่ง : ก็ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนนะครับ อะไรนะ
พี่ โอเล่ : ชุดที่แล้วผมเป็นคนร้องครับ เป็นอะไรไม่รู้พองออกพองออก ก็เลยให้หนึ่งร้อง เมื่อก่อนเค้าเล่นกลองครับ
พี่ โซ่ : แล้วก็พี่โอเล่ไปใช้ย่าไวอากร้าปลอม
พี่ หนึ่ง : ทางวงรับไม่ได้เลยเปลี่ยนนักร้องเลยครับ
พี : พี่ๆ เค้าชื่ออะไรกันบ้างนะ เพื่อแฟนๆ ไม่รู้จัก แนะนำกันอีกที
พี่ มิ้น : ผม มิ้นครับ เล่นเบส
พี่ หนึ่ง : ครับ หนึ่งครับ ตีกลอง ร้องนำ
พี่ โซ่ : ผม โซ่นะครับ มือ คีย์บอร์ดครับ
พี่โอเล่ : โอเล่ครับ เล่นกีตาร์ครับ
พี่ บี : ผม บี ครับ เล่นคีย์บอร์ด อีกคนนึงครับ
อ๊อฟ : ทำไมต้องมีคีย์บอร์ด 2 คน
พี : คนนึงกดคอร์ด คนนึงกด เมโลดี
พี่ โซ่ : คล้ายๆอย่างนั้นครับ คือเราเล่นแนว etc . มันต้องมี คีย์บอร์ด 2 คน แนว อีทีซี เป็น ป๊อปๆ มีกลิ่น แจส นิดนึง โซล นิดนึง แล้วคียืบอร์คคนเดียวมันเล่นไม่ไหวครับ มันต้องใช้มือเยอะ
อ๊อฟ : ก็เลยใช้สวมข้างหลังกัน
พี่ มิ้น : แล้วก็หน้าใกล้กัน
พี่ บี : มันผลัดกันเล่น ครับ ยืนคนละข้างของเวที
อ๊อฟ : แล้วเวลาอีคนไม่มาก็เล่นแทนกันได้ป่ะ
พี่ บี : ก็ไม่ได้ครับ
พี่ โซ่ : ยากเหมือนกัน
พี่หนึ่ง : เพราะเราแบ่งกันชัดเจนเลยครับ คนเล่นลายนี้ อีกคนนึงเล่นลายนี้นะ
พี่โซ่ : แต่ละคนก็คิดลายแบบวางย่ากันไว้เรียบร้อย
อ๊อฟ : ตกลงนักร้องนำเค้าคนเดิมใช่ไหม
พี่หนึ่ง : คนเดิมครับ แต่ชุดนี้เปลี่ยนนิดนึง ชุดที่แล้วตีกลองไปด้วยร้องไปด้วย แต่ชุดนี้ อยากจะสนุกสนานมากขึ้น คือขี้เกียจตีกลองว่างั้นเถอะ ออกมายืนร้องดีกว่า ข้างนอก แต่ก็ตีในห้องอัดอยู่ครับ แต่เวลาเล่นจริงไรเงี่ย อยากออกมาสัมผัสบรรยากาศใกล้ชิด แล้วก็เป็นตัวแทนวงไปจับมือกับแฟนเพลง ใช่ไหม
อ๊อฟ : มีคนเค้าคิดว่าเป็นคนอื่น แสดงว่าหน้าตาเปลี่ยนไป
พี่หนึ่ง : อ้วนขึ้น
พี่ โซ่ : อาจจะดูเท่ห์ขึ้น
พี่ โอเล่ : อาจจะเป็นเพราะผม ชุดที่แล้วไม่ค่อยหล่อ ชุดนี้ดูดีขึ้น เลยส่งเสริมให้ ดูดีขึ้น
พี่หนึ่ง : พูดเอง เออ เองเลย
อ๊อฟ : พี่ไม่เถียงอะไรเค้าเลยเหรอ
พี่ หนึ่ง : ไม่เถียงครับ
พี่ มิ้น : รู้อยู่แก่ใจ
อ๊อฟ : เป็น etc กันตั้งแต่เมื่อไหร่
พี่มิ้น : ตั้งแต่อยู่มหาลัย พายัพ ตอนนั้นก็ประกวดดนตรี ตั้งแต่มหาลัย แล้วก็ชนะเลิศ แล้วก็ประกวดของ เชียงใหม่ แล้วก็ไปประกวดที่กรุงเทพ ของ เนสกาแฟ ตอนนั้นยังไม่มี หนึ่ง เป็นมือกลองคนอื่น แล้วนักร้องนำ เป็น พี่เดียร์ อคาเปล่า 7
อ๊อฟ : แล้วทำไมเอาพี่หนึ่งเข้ามา แล้วเอาพี่เดียร์ ออกไป
พี่ มิ้น : ตอนนั้น พี่เดียร์ เค้าได้ดิบได้ดี แล้วตอนนั้นมือกลองเราก็ออก แล้วหนึ่ง ก็เข้ามาอยู่ที่วงครับ
พี : ไปพบเจอกันได้ยังไง
พี่หนึ่ง : พบเจอกันครั้งแรกเนี่ย ผมเล่นกันอยู่ที่เชียงใหม่ เล่นคนละร้าน หนึ่งเล่นอยู่อีกร้านนึง แต่ว่าโซ่เนี่ย มาเล่นเปียโน แจส ทุกวันอาทิตย์ พอดีผมไปถึงร้านก่อน สั่งข้าวกินก่อน ก็ไปเจอโซ่เล่นเปียโน กับมือเบส แล้วก็ไม่มีมือกลอง แล้วก็ด้วยความที่ชอบเล่นกลอง อยู่ที่บ้าน ก็เลยไปขอแจม แจมบ่อยเข้าๆ เริ่มมีการ ซ้อมกัน เพื่อมาแจม บ่อยเข้าๆ จนวันนึง เค้าก็ชวนมาอยู่วง ตอนนั้นกำลังจะจบ ไปฝึกงาน มีโอกาสได้ออกจากวงไป พอกลับมาปั๊บ ได้โอกาส คืออยู่ดีๆ เราไม่กล้าลาออก เค้าชวนมาถือเป็นโอกาสที่ดี ได้ร่วมงานกับเพื่อนๆที่ไปประกวดชนะเลิศไรมาแล้วก็ น่าจะสอนอะไรเราได้เพราว่าเราไม่ได้เรียนดนตรีมาอะไรเงี่ย ก็เลยกะมาเกาะเพื่อนกิน
พี : เอ๊ะ แล้วตอนที่ เล่นที่เชียงใหม่ที่ร้าน เป็น etc อยู่แล้วเลยรึเปล่า
พี่ โซ่ : ใช่ พอประกวดเสร็จปี 2000 กลับไป ที่เชียงใหม่ ก็เล่นผับ ชื่อ etc เลย ส่วนมากผับก็จะจ้างนักร้องผู้หญิง แล้วแต่ผับไหนจ้างใคร ก็มาร้องกับวงเรา
พี : คิดว่าจะเป็นนักดนตรีกันตั้งแต่เด็กเลยรึเปล่า
พี่ โซ่ : โตๆมาถึงเริ่มเห็น เล่นแล้วเริ่มสนุก
อ๊อฟ : แต่ก็เรียนดนตรีกันตั้งแต่เด็กทุกคน แล้วตอนคิดที่จะเรียนตอนนั้นทำไมถึงเรียน
พี่ มิ้น : ก็เรียน อย่างอื่นไม่รุ่งอ่ะ พูดเล่น ตั้งแต่เด็กๆ พี่ชายผมก็เล่นดนตรี เห้นเพื่อนเล่นก็อยากเล่นมั่ง ตั้งแต่ มัธยมต้น เล่นแล้วรู้สึกว่าชอบ วิชาอื่นเลยไม่เอาเลย
พี่ โอเล่ : มันเป้นเรื่องตั้งแต่เรียนม.ต้น เมื่อก่อนผมเล่นดนตรีไม่เป็นเลยครับ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ชอบคิดเลขอะไรแบบนี้มากกว่า ตั้งแต่วันนั้นมา ผมได้เจอกีตาร์ 1 ตัว เป็นกีตาร์ โปร่ง ยี่ห้อ fujiyama เก่าๆ สายเป็นสนิม ผมก็ลองเล่นๆ 4 คอร์ดวน เล่นเพลง 4 คอร์ดวน
พี่ หนึ่ง : เพลงอะไรว่ะ 4 คอร์ดวน
พี่ โอเล่ : C Am Dm G7 ไง
อ๊อฟ : เพลงอะไรอ่ะคะ
พี่ หนึ่ง : ข้าเจ้าเป็นสาวเชียงใหม่
พี่ โอเล่ : ร้องไปร้องไป ร้องเพราะครับ มีคนมาดูเพียบเลย สาวๆ เลยเล่นตั้งแต่วันนั้เลยครับ
พี่ หนึ่ง : ให้อาหาร
พี่ โซ่ : คือจะเล่นเพื่อดึงผู้หญิงมาใกล้ๆ นั่นแหละ ประเด็นหลัก
อ๊อฟ : วันนั้นคนที่เค้าเดินผ่านเค้ามองพี่ด้วยสายตายังไง
พี่ โอเล่ : เสียงก็ดี หน้าก็หล่อ ถึงกีตาร์จะเก่าหน่อยก็ไม่เป็นไร
พี่ บี : เมื่อก่อนผมชอบวาดรูปมาก ผมเรียน ศิลปะ วาดรูป ตอนเด็กๆ พ่อให้เรียนเปียโน แต่ไม่ชอบ พอตอนหลังเรียนวาดรูปแล้ว มีคนมาติดต่อให้ไปเล่นที่ล็อบบี้โรงแรม เล่นๆแล้วก็ได้ตัง
พี่ โซ่ : อันนี้ชอบ เล่น แล้วมีความสุขครับ
อ๊อฟ : ที่บ้านสนับสนุนไหม ตอนนั้น
พี่โซ่ : นักดนตรี มีหลายแบบ สมมุติว่าเราตั้งใจจะทำ ให้เก่งเลย เราก็จะได้เป็น ศิลปิน ได้ออกเทป ได้พบป่ะแฟนเพลง มันสนุกจริงๆ ไม่มีอะไรสนุกกว่านี้แล้วมั้ง เราก็ต้องบอกให้เค้าเชื่อมั่นไงครับ แม่ถ้าผมมาเรียนผมจะทำให้ดูว่าผมจะต้องทำให้ได้
พี่หนึ่ง : ไม่ได้เรียน แต่อยากเรียน พ่อแม่สนับสนุนครับ แต่ว่าตอนเด็กๆเนี่ย เราทำกิจกรรมโน้นนี่ ตั้งแต่มัธยม เล่นดนตรี เล่นกีฬา ทำทุกอย่างแต่ว่างูๆปลาๆ อย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่ว่าพอจบ ม.6จะไปสอบดนตรี ไม่ได้เรียนอะไรมาเลยตั้งแต่เด็ก ก็เลยไม่มีพื้นฐาน เลยไปสอบเข้าเรียนสื่อสารมวลชนซะ แต่ว่าทำงานกลางคืนไปด้วย ร้องเพลงด้วยความที่ชอบส่วนตัว ก็เลยร้องเพลงทำงานกลางคืนไปด้วยพอจบ ปี 4 ก็ร้องเพลงอย่างเดียวเลย ที่เรียนมาก็แทบไม่ได้ใช้เลย เหมือนประมาณว่าเรียนเอาวุฒิไปอย่างนั้นอ่ะ แต่ความจริงแล้วมารู้ตัวอีกที ชอบดนตรีมากที่สุด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะไปเรียนพื้นฐานซะหน่อย แล้วก็ไปสอบเข้าดนตรีจะดีกว่าอะไรอย่างเนี่ย
พี : เครื่องดนตรี ชิ้นแรก พี่โซ่ คือ เปียโน คีย์บอร์ดรึเปล่า
พี่โซ่ : ใช่ ๆใช่เลย ตอนเด็กๆจะมีสยามกลการ หลักสูตรที่เด็กเรียน โด เร มี แม่ก็จะพาเข้าไป เด็กๆก็จะนั่งกันเต็มห้อง 20 ตัว แล้วอาจารย์ก็จะมีกระดานใหญ่มาก โน๊ตตัวเบอร์เร่อเลยอยู่ที่กระดาน แล้วก็กดตาม ก็เริ่มเรียน พอเรียนแล้วก็เริ่มชอบ พอชอบก็อยากจะเล่นให้มันเก่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ศึกษามาเรื่อย
พี่ บี : ก็เป็นเปียโน เหมือนกันครับ มันจะเป็น อิเลคโทน มันจะเป้นหลักสูตรของ ยามาฮ่า เป็นพื้นฐานคีย์บอร์ด ฝึกฟัง ฝึกร้อง
พี่ มิ้น : ตั้งแต่ อนุบาล เป็นวงดุริยางค์ของอนุบาล ตีฉาบ เพราะว่าที่เชียงใหม่เค้าเริ่มเล่นกัน มีประกวดวงดุริยางค์อนุบาลด้วย แล้วก็มีเข้าค่ายด้วย แล้วตอนอยู่มัธยมต้น ก็มาเล่น คีย์บอร์ด แล้วก็มาเล่นเบส
พี่ หนึ่ง : ชิ้นแรก น่าจะเป็น อิเลคโทน ครับ เรียนตอนเด็กๆ แต่เรียนได้แป๊บเดียว ด้วยความซน ก็ไม่ไปเรียนอีกเลย เรียนไปซักประมาณจบเล่มนึงแล้วก็หายไปเลย แล้วมาเจออีกทีก้ตอนโตแล้ว ก็เล่นไม่เป็นไปแล้ว ตอนนั้นเล่นเกือบเป็นแล้วนะ ที่แบบใช้ 4 ขา เอ้ย เล่น 2 มือ 2 ขา ไง เล่นมือซ้ายจับคอร์ด มือขวาเล่น เมโลดี้ เท้าขวา เหยียบ volume เท้าขวาเหยียบ เบส เล่นเกือบคล่องแล้ว แล้วก็เหลวไหลไง ตอนเด็กๆ เป้นกลองเนี่ย เริ่มเข้ามัธยม ก็ไปดูนั่ง ดูรุ่นพี่ซ้อมดนตรีกัน น่าจะเป้นเครื่องดนตรีที่น่าสนุกที่สุดแล้ว พอเวลาคนอื่นหยุดพักกัน จะเข้าไปเล่นกีตาร์ก็เล่นไม่เป็น หยิบไปเล่นเบสก็ไม่รุ้เรื่อง ก็ไปหยิบตีกลอง ก็พอเป็นจังหวะ ก็เลยชอบตีกลอง กลองไม่ได้เรียนครับ ก้ตีมาเรื่อยๆจนอยู่วง etc เนี่ย ก็ยังไม่ได้เรียน ก็เพื่อนก้สอนโน๊ตให้ เนี่ยค่าโน๊ตนะอย่างนี้อย่างนี้ เราก้เรียนค่าโน็ตกับเพื่อน
พี : ฆ่า โน๊ต ต้องใช้มีดไหมครับ
พี่ หนึ่ง : ผมบีบคอเอา ก็คือพอเริ่มรู้ ทฤษฎี นิดนึง ก็ไป download แบบเรียนมาจาก internet อะไรเงี่ย มันก้จะมี โน๊ต สอนกลองจาก internet โหลดมาก็ฝึก
อ๊อฟ : เวลาประกวด ประกวดรวมกันตลอดเลยป่ะ เคยแยกกันไหม
พี่ มิ้น : ถ้าจริงๆ ครั้งแรกที่ มหาลัย ก็มี ผม โซ่ โอเล่ แล้วก้มีอีกคน คือ แมก Acappella 7 เล่น คีย์บอร์ด เป็นคนที่แต่งเพลงเปลี่ยน กับ เธอคือใคร เป็นคนอยู่วง etc. เคยเล่นคีย์บอร์ด แต่ไม่ได้ชื่อ etc.
พี่หนึ่ง : ไม่ยอมให้ใช้ชื่อนี้
พี่มิ้น : โซ่ ก็เคยอยู่ Acappella 7
พี่หนึ่ง : สมาชิกเก่าครับ
พี่โซ่ : ตอนที่สร้างวง เริ่มจากเลิกเรียนอยากเล่น etc ซ้อมวันนี้ วันรุ่งขึ้น etc ไม่ซ้อม ผมก็ร้องเพลงกับ acappella นี่คือยุคตั้งต้นเลย แรกๆมี 7 คน รุ่นพีจบไป มีรุ่นน้องใหม่เข้ามาแทน วงมันมีอายุ 5-6 ปีแล้ว บางปีรุ่นพีจบไป 3 วงแหว่งเหลืออยู่ 2 คน ก็ต้องไปหาคนใหม่มาแปะ etc กับ acapalla7 โตมาด้วยกันครับ ปรากฎว่าทำไปทำมามันเริ่มจะรุ่งทั้งคู่ ที่นี้มันแบ่งสมาชิกกันไม่ไหวละ พี่เดียร์มาร้องกับเรา ผมไปร้องกับเค้า ดูมันแบ่งกันไม่ได้แล้วอ่ะ ถึงจุดที่ต้องหั่นละว่าจะเลือกยังไงกันดี เพื่อความบาลานซ์ พี่เดียร์ก็ออกจาก etc เพื่อไปทำเทปชุดแรกกับ acappella7 ผมก็เลยออกจาก acappella7 เพื่อมาทำเทปชุดแรกกับ etc
อ๊อฟ : แล้วทำไม พี่เดียร์ไม่อยู่ etc แล้ว พี่โซ่ อยุ่ acappella 7
พี่โซ่ : เพราะพี่เดียร์เล่นคีย์บอร์ดไม่เป็นมั้งฮะ
พี่หนึ่ง : เพราะ acappella ไม่ต้องใช้ คีย์บอร์ด ร้อง acappella เฉยๆ มือคีย์บอร์ดไปก็คันไม่คันมือไม่ได้เล่น อยู่กับวงดีกว่า ต้องมาเล่นกับวง
พี่ บี : โอเล่ ชวนผมเข้ามาอยู่ ตอนนั้นที่วงไล่ แมก acappella7 ออก แมกเค้ามีภาระกิจต้องไปร้องกับ acappella7 ผมก็เข้ามาอยู่ แล้วหลังจากนั้นก็เป็น ชื่อ etc จากนั้นเป้นต้นมา เริ่มประกวด ทั่วเชียงใหม่ แล้วก้ทั่วประเทศ
พี่หนึ่ง : ไม่เคยประกวดอะไรเลยครับ ตอนที่เข้ามาอยู่วงเนี่ย เค้าประกวดกันเรียบร้อยแล้ว เข้ามาก้มาร่วมกับเค้าเลย ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศการประกวดเลย จริงๆ เลยประกวดในโรงเรียนเล็กๆน้อยๆ ชนะบ้างไม่ชนะบ้าง อันนี้เค้าประกวดระดับจังหวัดหนิครับ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่กว่า ของเราประกวดในโรงเรียน เล่นไปเล่นไป เข้ารอบไม่เข้ารอบเราก็ไปเตะบอลต่อแล้ว เราก็ไม่ได้สนใจ
พี่ มิ้น : ว่าจะประกวด miss tiffany
พี่ หนึ่ง : ประกวดวงดนตรีตอนมัธยม ตีกลอง ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง มันอยู่ในโรงเรียนไง ก็วงในโรงเรียนมันก้มีไม่กี่วงอ่ะ ก็ผลัดๆกันชนะ ผลัดๆกันแพ้
อ๊อฟ : ไม่ได้รู้สึกภูมิใจ
พี่ หนึ่ง : ไม่ เล่นอย่างเดียว
พี : อายุเท่าไหร่กันแล้ว


พี่โอเล่ : ประมาณ 3 ปี ได้ ไม่ใช่ครับ เราจบกันปีอะไรนะ
พี่ โซ่ : รหัส 40
พี่โอเล่ : ผม มิ้น บี นี่ 38 ครับ หนึ่งเนี่ย 39
พี่ หนึ่ง : หนึ่ง 40
พี่ โอเล่ : 2 คนนี้ 40 ครับ ก็อายุไล่ๆกันอ่ะครับ
อ๊อฟ : แล้วจบพร้อมกันรึเปล่าครับ
พี่ มิ้น : พร้อมกันครับ
พี่ หนึ่ง : งั้นก็คือ แสดงว่า อ้าว
พี่ มิ้น : ก็ตอนแรก ผมไม่ได้เรียนดนตรีไง ไปเรียนคณะอื่นก่อน แล้วรู้สึกไม่ค่อยรุ่งมาเรียนดนตรีดีกว่า
พี่ หนึ่ง : แต่คนนี้เรียนดนตรี แล้วก้จบพร้อมกันหมดเลย
พี่ โอเล่ : ตอนนั้นต้อง drop ไปก่อนครับ เพราะว่า ต้องไป
พี่ มิ้น : เดินแบบ
พี่ โอเล่ : ไปเป็นทหาร
พี่ บี : เอ้ย จริงเหรอ
พี่ โอเล่ : จริงๆ ไปเป็นทหาร แล้วค่อยกลับมา
พี่ บี : ก็หายไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ
พี่ โอเล่ : ไปรับใช้ชาติมาด้วยกันครับ ไม่เจอกัน คนนี้เค้า ทหารเรือ
พี่ มิ้น : นึกว่าติดคุก
พี่ โอเล่ : อันนี้พูดเรื่องจริงๆแล้วนะครับ ตอนนั้นเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ลงน้อยๆ เพราะทำงานไปด้วย
พี : เริ่มที่ พี่ บี ละกัน คิดถึงเรื่องมีครอบครัวรึยัง
พี่ หนึ่ง : โดนใจ
พี่ บี : เพิ่งแต่งงานมาครับ
พี : มีข้อมูลจากวงนอก แฟนเป็นผู้ชาย
พี่ บี : แต่งกับมิ้นอ่ะครับ
พี่ โอเล่ : มีครอบครัวแล้วครับ
พี่ บี : อันนี้แต่งด้วยกันครับ อันนี้เป้นเมียหลวง อันนี้เมียน้อย
พี่ มิ้น : ยังครับ ก็อยากมีครอบครัว เหมือนกันครับ
พี : แล้ว แฟน มีแล้ว
พี่ มิ้น : คิดว่ามีรึยังครับ
พี่ หนึ่ง : นี่
พี : น่าจะมั้งครับ
พี่ มิ้น : มีเป็นผู้ชายครับ น่าจะมีแล้วครับ มีแล้วครับ
พี่ โซ่ : มี มีแฟนเพลงอยู่ เยอะ มีแล้วครับ
พี่หนึ่ง : มีแล้วครับ
พี่ โอเล่ : ยังไม่มีแฟนเลยครับ
พี่ มิ้น : เอาแหวนออกแล้วเหรอพี่
พี่ โอเล่ : ยัง
พี : อัลบั้มนี้ ชื่อ เปลี่ยน ชื่อเนี่ย มาจากไหน
พี่ หนึ่ง : ชื่อก็มาจากเพลงเปลี่ยน เป็นเพลงที่ ชื่ออัลบั้มอะไรดี นั่งคิดกัน เปลี่ยนละกัน
พี่ บี : ผมว่า มันบอกความเป้นอัลบั้มนี้ทั้งหมดได้มากที่สุด เนื่องจากเราเปลี่ยนค่าย เปลี่ยนอะไรทุกอย่างหมด
พี่ หนึ่ง : มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลายอย่างในช่วงที่ทำอัลบั้มแรก สู่ อัลบั้ม 2 อย่างแรกเปลี่ยน ค่าย เปลี่ยน ลุค
พี : ความรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ
พี่ มิ้น : ก็เหมือนเพลงเปลี่ยนอ่ะครับ
พี่หนึ่ง : ก็เหมือนเพลง เปลี่ยน
พี : ค่ายก่อน ค่ายอะไรนะครับ
พี่หนึ่ง : กรอ มอ
พี่ มิ้น : ย้ายจาก อโศก ไปอยู่ พระราม 9
พี่ หนึ่ง : ความรู้สึกนะครับ ก็ฟังเพลงเปลี่ยนเอา ก็ประมาณนั้นแหละ ลุคก็เปลี่ยนนิดนึงครับ เราจะเข้มขึ้น ชุดนี้เนี่ย ไปทำผิวแทน แล้วก็ใส่ชุดดำกันหมดเลย ไว้ทุกข์ ให้กับตัวเอง กับชุดแรก เพราะชุดแรก คิกขุเหลือเกิน โอ้ย ไม่ไหวแล้ว คือ ดนตรีเราโตขึ้นด้วยฮะ ก็อยากให้คนมองว่าเราเติบโตขึ้นนะ เพราะว่าชุดที่แล้วเราหน้าเด็กกันไปหน่อย โอเล่ก็หน้าเด็กมากไปหน่อย ที่บ้านแบบ ตอนนี้ได้ผลแล้ว
อ๊อฟ : ชุดที่แล้วห่างจากสุดนี้กี่ปี
พี่ หนึ่ง : 2 ปี กว่าครับ
พี่ มิ้น : นึกว่า กี่ปี
พี่หนึ่ง : ดูหน้าเหมือนกับไปนานนะ เหมือนหายไปหลายปีเลย นี่แหละครับ นี่คือสิ่งที่เราต้องใช้ชื่ออัลบั้มว่าเปลี่ยน มีสัดส่วนของความเข้มข้นของดนตรีมากขึ้น มีความสนุกสนานมากขึ้น เนื่องจากชุดที่แล้วได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่โน้นที่นี่ แล้วเห้นว่าคนเป็นแบบนี้ คนชอบ จอย แล้วคนจะมีตอบสนองแบบนี้กับเพลงที่เราเล่น เราก้เก็บเป็นประสบการณ์ไว้ว่า เออ ถ้าเราเล่นเพลงแบบนี้ คนจะชอบ เราก้เก็บมาทำอัลบั้มนี้ ชุดนี้ก็จะมีเพลงสนุกมากขึ้น เราเล่นคอนเสิร์ตเราก็อยากให้คนได้โยกได้สนุกกันด้วย
อ๊อฟ : ให้คนทั้งโลก
พี่ หนึ่ง : ฮะ ได้ยินว่าคนทั้งโลกเหรอ
พี่ โซ่ : คนทั้งโลกเลยก็ได้
อ๊อฟ : เคยอ่านสัมภาษณ์เจอ ว่าที่วง etc ไม่มีนักร้องนำ เพราะไม่อยากให้ใครกุมอำนาจ แล้วทำไมตอนนี้ยอมให้ พี่ หนึ่ง กุม อำนาจละ
พี่ หนึ่ง : ไม่อยากให้ใครกุมอำนาจ เพราะว่าอะไรดีอ่ะ
พี่ โซ่ : เคยมีด้วยเหรอ
พี่ หนึ่ง : บอกว่า ประมาณว่าเราจะแชร์บทบาท
พี่ โซ่ : ถามอย่างนี้ให้นักร้องตอบดีกว่ามั้ง พี่ โอเล่
พี่ หนึ่ง : ตอบสิ
พี่ โอเล่ : ประมาณว่าชุดที่แล้ว ไม่อยากให้มีนักร้องนำ
พี่ หนึ่ง : อยากจะเน้นความเป็นวง
พี่ โอเล่ : ทุกคนก็ร้องเพลง ใช่ไหม
พี่ หนึ่ง : ใช่
พี่ โอเล่ : โซ่ ก้ร้องเพลง บี ก็ร้อง ผมก็ร้อง มิ้น ก็ร้อง หนึ่งก็ร้อง อยากจะประกวดว่าใครร้องดีกว่ากัน
พี่ หนึ่ง : อ๋อ
พี่ โอเล่ : ผลสรุปก็คือ หนึ่ง ร้องดีที่สุดครับ
พี่ โซ่ : เมื่อกี้พูดเล่น ความจริงคือเราอยากจจะเป็นวงที่แข็งแรงทั้งวง ในพาทดนตรี การประสานเสียงช่วยกันอะไรเงี่ย การทำงานทำด้วยกันอยู่แล้วแหละ แต่ทีนี้พอ on stage จริงๆแล้ว เวลาโชว์ ชุดแรก พอบางครั้งไม่มีนักร้อง นักร้องไปตีกลองอยู่หลังโน้น โผล่มาแค่หัวเงี่ย เวลาร้องเพลงอ่ะ มันสื่อไม่ถึง คนดูก็อยู่ขอบเวที นักดนตรีมันจะพะวงในการเล่น สู้มีตัวแทนของวง ชุดนี้ หนึ่ง design ร้องให้มีเทคนิคมากขึ้น มีลูก R&B ไหลๆ อย่างนี้ด้วย ไม่สามารถตีไปได้ร้องไปได้ มันยากมาก ก็เลย ร้องแล้วลงไปสื่อสารแทนเพื่อนๆ เพื่อนๆก็พยามจะไปเท่าที่เครื่องดนตรีมันจะพาไปได้
พี : พอเล่นสดใครตีกลองแทน
พี่ โซ่ : มีครับ เป็นอาจารย์เลย
พี่ หนึ่ง : เค้าชื่อ อาจารย์ ดั๊ก
พี่ โซ่ : เป็นมือกลองที่ ฝีไม้ลายมือ พวกเรายกให้เป็นที่หนึ่งในใจเลยแหละ เป็นอาจารย์ของหนึ่งอยู่พักนึงด้วย พี่ดั๊ก เป็นมือกลองที่เก่งมากๆ แล้วก็มีความเข้าใจสูง เราเคยเล่นกับมือกลองมาหลายคน พี่ดั๊ก เนี่ยเป็นคนที่ ถ้าไม่ใช่หนึ่งตี คนในวงที่รู้ ก็ต้องพี่ดั๊กตีเนี่ยแหละ เพราะพี่ดั๊กเค้าจะรู้ทิศทางวง ในการเล่นดนตรี มือกลองจะเหมือนคนขับเคลื่อนวง จังหวะเราจะส่งยังไง ที่โชว์เราสนุก จังหวะเราสนุก ส่วนสำคัญต้องมือกลองด้วยนะครับ มันก้เหมือนกลองหลัง มันจะไม่โคลงเคลง วงจะเล่นได้ดี
พี : นั่งคือ สาเหตุที่เอาพี่หนึ่งออกมาร้อง เพราะ โคลงเคลง
พี่หนึ่ง : ไม่ ตีไปด้วย ร้องไปด้วย มัน โคลงเคลง
พี่โซ่ : ตอนอัดตอนบันทึกเสียง เราอัดเองกันหมดเลย เราโปรดิวซ์เองนะ ชุดนี้ คุมงานกันทั้งหมด หนึ่งตีในห้องอัด ใน สตูดิโอ แต่พอออกโชว์มันไม่ไหว ก็เลยให้หนึ่งออกมา

https://youtu.be/XvFKWNnCcuw

อ๊อฟ : เรามีคำถามจากแฟนคลับ etc จะมี คอนเสิร์ตใหญ่ไหม
พี่หนึ่ง : คุยกันไว้ น่าจะมีประมาณกลางปีนี้
พี่โซ่ : ไม่ มิถุนา ก็ ช่วง กรกฎา มีแน่ๆ เราประชุมกันแล้ว สถานที่ยังไม่แน่ใจครับ ต้องเป็น indoor สักที่เพราะเป็นหน้าฝน
พี่ หนึ่ง : เรากะจะทำให้เป็น คอนเสิร์ตที่มีความเป็นกันเองมากที่สุด คิดว่าน่าจะประมาณ 8 แสนคน
พี่ โซ่ : มีแน่ๆครับ คนที่รักเพลงเรา ชอบเพลงเรา แล้วจะได้เจอ แขกรับเชิญที่น่าจะมี เซอร์ไพรส์ ตอนนี้กำลังประชุมวางตัวกันอยู่ แล้วก็เริ่มซ้อมกันบ้างละ
อ๊อฟ : คนอื่นไม่มีคำถามส่วนตัวเลยนะ มีพี่โอเล่เนี่ย
พี่ หนึ่ง : ก็เค้าเป็นนักร้องนำหนิ
อ๊อฟ : เค้าถามว่า กีตาร์พี่เคยผ่านประสบการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองไทยมาแล้ว จริงรึเปล่าคะ
พี่โอเล่ : ใช่ ก็ตอนนั้นไปเล่นที่ภูเก็ต ที่หาดป่าตอง ไปกันทั้งวงเลย ตื่นเช้ามาครับ ไฟก็ดับก่อน เสียงคนกรี๊ดอยู่นอกห้อง กรี๊ดอะไรกันนักหนา ก็เลยออกมาดู รถมอเตอร์ไซด์กระจัดกระจายเต็มไปหมดเลย น้ำท่วมเต็มเลย
พี่ โซ่ : มองจากตึกข้างบนอ่ะครับ ชั้น 3 โรงแรมป่าตอง รีสอร์ท มองลงมาเห็นหลังคารถกระบะ หลังคาโผล่มานิดนึง
พี่ โอเล่ : แล้วตอนนั้นเราเอาเครื่องดนตรีไว้หลังเวที
พี่ โซ่ : เวทีอยู่หน้าหาด เป็นร้าน อิตาเลี่ยน ไฮโซ เลย อยู่หน้าหาด เละครับ เบส กลอง คีย์บอร์ด กีตาร์ มีผมคนเดียวอ่ะ ที่สังหรณ์ใจยังไงไม่รู้คืนนั้น ยกเครื่องขึ้นไปบนห้องพัก ที่เล่นกับห้องพักอยู่ไกลกันมาก ตอนเช้ามาน้ำท่วมทะลักเลย ข้าวไม่ต้องห่วงไม่มีกินแน่ ก็ต้องหนี
พี่ โอเล่ : รอน้ำลดแล้วก็รีบวิ่งไปเอาเครื่องดนตรีที่อยู่หน้าหาด แล้วตอนนั้น after shock ก็จะมาเรื่อยๆ
พี่ โซ่ : ตอนนั้นยกกีตาร์ขึ้นมาเป็นไงบ้างครับ
พี่โอเล่ : มีทรายอยู่ข้างในครับ มีทรายเต็มเลย
พี่ บี : รู้สึกว่าจะไม่ได้ไปเอาเองนะ
พี่ หนึ่ง : อุตส่าห์แบกมาให้
พี่ มิ้น : ตัวสีขาว ของ Yamaha คือตัวปัจจุบันเลย
พี : แล้วไม่พังเหรอ
พี่ มิ้น : ของดีครับ ตอนแรกก็คือมันโดน ก็เอาถ่านออก ผมก็แกะข้างหลัง เอาน้ำเปล่าราด ข้างหลังมันจะมีบอร์ดเหมือนคอมพิวเตอร์ ก็ต้องเปลี่ยนตัวนั้น ก็ซื้อแผงวงจรใหม่เข้าไปใส่
อ๊อฟ : ตัวเดิมกันหมดทุกคนเลยป่ะคะ
พี่โอเล่ : ตัวเดิม
พี่ บี : คีย์บอร์ดเป็นตัวใหม่ครับ แต่ตัวนั้นก็โดนน้ำไปเหมือนกัน ตอนโดนน้ำก็อย่าเพิ่งเปิด switch เอาไดร์เป่าให้แห้ง แล้วทิ้งไว้อีกสัก 3 -4 วัน แล้วค่อยไปเสียบปลั๊ก แล้วลองเสี่ยงดู แล้วปรากฏว่า ไม่ขึ้นครับ ก็เลยเอาไปซ่อม แต่ยังซ่อมได้อยู่ครับ ฝากขาย หมื่นนึงครับ
พี่ หนึ่ง : ฝากขาย จิกกะบาล เลยนะครับ
พี่ โซ่ : ก็มีลายเซ็น พี่บีด้วย แล้วก็เป็นคีย์บอร์ดตัวเดียวที่โดน สึนามิ แล้วก็มาขายต่อได้
พี : แล้วกลองพี่หนึ่งอ่ะครับ
พี่ หนึ่ง : ยังใช้อยู่ครับ มันเป็น snare มัน โดนพัดไปอยู่ไกลเหมือนกัน ตอนนั้น
พี : ของคนอื่นรึเปล่า
พี่หนึ่ง : ของเรานี่แหละ ตอนแรกเราถอดใจแล้ว นึกว่า snare หาย เพราะว่าซื้อมาแพงครับ นึกว่าหายแล้ว เดินไปหน้าห้องน้ำ เดินไปไกลมาก เจอ น้ำมันพัดไปอยู่ตรงนั้นครับ เห็นมันเปื้อนโคลนอยู่ ก็เลยอุ้มมากอดเลย กอดเสร็จขึ้นไปบนห้อง น้ำไม่ไหลครับ นั่งเอาทิชชูเช็ด เช็ดไปเช็ดมา เอ๊ะ มันไม่ใช่โคลนนี่หว่า มันอยู่หน้าส้วมอ่ะ
พี่ โซ่ : นี่เรื่องจริง คือ ห้องน้ำชั้น 1 อ่ะ พอสึนามิไป ผนังมันพังทลาย ชักโครกแตกกระจาย แล้วของหนึ่งไปอยู่หน้าห้องน้ำ แล้วไม่ใช่โคลนอ่ะ เหม็นมากอ่ะ
พี่หนึ่ง : กอดขึ้นมาเลย ทิชชูเช็ดอย่างดี เช็ดไปเช็ดมา เอ๊ะ อันนี้ยังใช้อยู่ทุกวันนี้ครับ
อ๊อฟ : แล้วจะมีคาราโอเกะออกมาไหม
พี่หนึ่ง : อยากจะมีครับ แปลว่ายังไม่มีครับตอนนี้ แต่จะมี
พี่โซ่ : หวังว่าจะมี
พี่ หนึ่ง : ละคิดว่า ควรจะ น่าจะมี จริงๆแล้วถ้าดูจากสถานการณ์แล้วเนี่ย สักแป๊บนึง น่าจะมีได้ครับ
พี : ถ้าทางค่ายไม่ยอมออกให้ ชุดน่าก็จะเป็นเปลี่ยน
พี่ โซ่ : เปลี่ยน 2
อ๊อฟ : เราไปดู vtr ที่พี่เค้าทำเสื้อกันดีกว่า
อ๊อฟ : นี่ เสื้อ พี่ๆ etc เค้าวาดไว้ให้ ใครเป็นใครบ้างคะพี่
พี่หนึ่ง : เรียงตามเหมือนในบกเลยครับ
อ๊อฟ : ถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นใครต้องไปซื้ออัลบั้มมาเทียบนะคะ มีลายเซ็นด้วย คล้ายๆกันเน้อ
พี่ หนึ่ง : คล้ายกันครับ ข้างหลังเป็น website ของเราคร้าบ เข้าไปเยี่ยมชมกันได้
อ๊อฟ : ตอบเองเลยป่ะคะ
พี่ หนึ่ง : ไรครับ
พี่โซ่ : ตอบเองครับ
อ๊อฟ : ถ้าอยากได้เสื้อตัวนี้ comment ไว้ใน website เดี๋ยวหลังจากนี้ มีอีกคลิป โชว์ จาก etc.

Facebook Comments
Share Button